เห็นแล้วอยากได้ๆๆๆ :P
Sunday, February 28, 2010
Bangkok Motor Bike Festival 2010 at CentralWorld
โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ชายก็จะชอบพวกเครื่องจักรกล มอเตอร์ไซต์ รถยนต์ เครื่องบิน อยู่แล้ว เมื่อประมาณปลายๆ เดือนมกราคมที่ผ่านมามีการจัดงานแสดงรถมอเตอร์ไซต์รุ่นใหญ่ๆ สวยๆ มากมาย มาดูกันว่าคันไหนถูกใจคุณ
จักรวารของเรา - Our Universe
จักรวารคืออะไร ผมคิดว่าหลายๆคนคงเคยได้เรียนรู้มาบ้าง เราอาจจะคิดว่าไกลเกินเอื้อมที่จะต้องไปสนใจ เพราะจริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวมากจริงๆด้วย จะมีก็เพียงแต่คนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า นักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ที่กำลังศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อหาที่มาว่าจักรวารเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีอะไรอยู่นอกโลกบ้าง, พยายามหาสิ่งมีชีวิตที่เหมือนหรือต่างจากเราหรือแม้แต่ฉลาดกว่าเรา มนุษย์ต่างดาวก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้จริง หรือสามารถมีสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องที่มีอยู่จริง มีหนังสือมากมายพยายามพูดถึงหลักฐานต่างๆ มาอ้างอิงหรือพิสูจน์ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกหรือแม้แต่ดาวเคราะห์ที่เหมือนกับโลกที่อยู่ไกลออกไปหลายๆ ล้านล้านปีแสง แล้วพัฒนาไปมากจนสามารถเดินทางออกไปในอวกาศได้เป็นระยะทางไกลแล้วมาพบโลกเราเป็นต้น พวกเค้าจึงลงมาสำรวจ จึงทำให้มีหลักฐานภาพถ่ายต่างๆ หรือเรื่องเล่าต่างๆ มากมายเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ส่วนยานพาหนะ ที่เค้าใช้ในการเดินทางเราก็เรียกว่า "ยูเอฟโอ" (UFO - Unidentified Flying Object) ถ้าเปรียบเทียบกับมนุษย์มันก็เหมือนกับกระสวยอวกาศที่เราได้ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อเดินออกไปในอวกาศแต่ว่า มันก็ยังไม่มีประสิทธิภาพสูงพอที่จะทำได้อย่างเค้า อย่างมากตอนนี้เราก็สามารถที่จะสร้าง "สถานีอวกาศ"
ซึ่งเป็นที่ๆเราใช้ในการอยู่อาศัยเพื่อทำการศึกษาหรือทดลองทางอวกาศเท่านั้น ปัจจุบันเราสามารถที่จะเดินทางไปยังอวกาศได้ง่ายขึ้น ดังที่เราจะเห็นข่าวอยู่เรื่อยๆว่าเหล่าบรรดามหาเศรษฐีเดินทางไปกับมนุษย์อวกาศ โดยจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้ประสพการณ์ที่พิเศษที่น้อยคนนักที่จะมีโอกาศ โครงการต่างๆของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ก็ได้ทำการทดสอบและทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆมากมา สหรัฐอเมริกาซึ่งคือหนึ่งในผู้นำของการศึกษาวิจัย "นาซ่า" (NASA) คือหน่วยงานวิจัยทางด้านอวกาศ ที่มีนักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิของโลกทำงานวิจัยอยู่จำนวนมาก
หนึ่งในโครงการวิจัยที่ทำให้มนุษย์เข้าใกล้จักรวารของเราได้มากที่สุดก็คือ "กล้องอวกาศฮับเบิ้ล" ( Hubble Space Telescope)
มันเป็นกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูงที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศเพื่อถ่ายภาพต่างๆที่เกิดขึ้นในอวกาศ รวมทั้งภาพของดวงดาวต่างๆ ทีปรากฏขึ้นในขึ้นในอวกาศ ซึ่งไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน คุณสามารถเข้าไปชมภาพต่างๆ ได้ที่ HubbleSite
ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งเดียวที่พวกเค้าพยายามอธิบายก็คือ การจุดระเบิดในรูปแบบต่างๆ บางภาพสวยงามจนไม่สามรถอธิบายได้ว่า มันคืออะไร ทั้งๆที่มันอยู่นอกโลกไกลออกไปหลายหมื่นล้านปีแสงและนั่นคือสิ่งที่มนุษย์ได้รับเท่านั้นเองหร๋อ?
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า มนุษย์นั้นพยายามศึกษาค้นคว้าหาสิ่งที่อยู่นอกโลกที่ไกลออกไปเพื่อพยายามหาคำตอบว่า ชีวิต, โลก, จักรวารของเราเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่มนุษย์ก็จะไม่ได้คำตอบอะไรเพราะมันไม่มีอะไร คนนั้นคือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเคยกล่าวไว้ว่า มีสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรสนใจหรือตั้งข้อสงสัย เรียกว่า "อจินไตย" เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไร แต่ควรจะสนใจหรือศึกษาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุดนั่นก็คือ จิตใจของเรานั่นเอง
To be continue...
ซึ่งเป็นที่ๆเราใช้ในการอยู่อาศัยเพื่อทำการศึกษาหรือทดลองทางอวกาศเท่านั้น ปัจจุบันเราสามารถที่จะเดินทางไปยังอวกาศได้ง่ายขึ้น ดังที่เราจะเห็นข่าวอยู่เรื่อยๆว่าเหล่าบรรดามหาเศรษฐีเดินทางไปกับมนุษย์อวกาศ โดยจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้ประสพการณ์ที่พิเศษที่น้อยคนนักที่จะมีโอกาศ โครงการต่างๆของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ก็ได้ทำการทดสอบและทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆมากมา สหรัฐอเมริกาซึ่งคือหนึ่งในผู้นำของการศึกษาวิจัย "นาซ่า" (NASA) คือหน่วยงานวิจัยทางด้านอวกาศ ที่มีนักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิของโลกทำงานวิจัยอยู่จำนวนมาก
หนึ่งในโครงการวิจัยที่ทำให้มนุษย์เข้าใกล้จักรวารของเราได้มากที่สุดก็คือ "กล้องอวกาศฮับเบิ้ล" ( Hubble Space Telescope)
มันเป็นกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูงที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศเพื่อถ่ายภาพต่างๆที่เกิดขึ้นในอวกาศ รวมทั้งภาพของดวงดาวต่างๆ ทีปรากฏขึ้นในขึ้นในอวกาศ ซึ่งไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน คุณสามารถเข้าไปชมภาพต่างๆ ได้ที่ HubbleSite
ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งเดียวที่พวกเค้าพยายามอธิบายก็คือ การจุดระเบิดในรูปแบบต่างๆ บางภาพสวยงามจนไม่สามรถอธิบายได้ว่า มันคืออะไร ทั้งๆที่มันอยู่นอกโลกไกลออกไปหลายหมื่นล้านปีแสงและนั่นคือสิ่งที่มนุษย์ได้รับเท่านั้นเองหร๋อ?
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า มนุษย์นั้นพยายามศึกษาค้นคว้าหาสิ่งที่อยู่นอกโลกที่ไกลออกไปเพื่อพยายามหาคำตอบว่า ชีวิต, โลก, จักรวารของเราเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่มนุษย์ก็จะไม่ได้คำตอบอะไรเพราะมันไม่มีอะไร คนนั้นคือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเคยกล่าวไว้ว่า มีสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรสนใจหรือตั้งข้อสงสัย เรียกว่า "อจินไตย" เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไร แต่ควรจะสนใจหรือศึกษาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุดนั่นก็คือ จิตใจของเรานั่นเอง
To be continue...
Tuesday, February 23, 2010
Linux - ลีนุกซ์ คืออะไร part II
บทความที่แล้ว คุณก็ได้รู้จักและเข้าใจการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์รวมถึงได้รู้ว่า เจ้าระบบปฏิบัติการมีหน้าที่และมีความสำคัญอย่างไร บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วนอกจากไมโครซอฟร์ (Microsoft WindowsXP, WindowsVista และล่าสุด Windows7) มันมีตัวเลือกอื่นที่ให้เราเลือกใช้ด้วยหร๋อ ก็ในเมื่อเกิดมาก็ใช้ Windows แล้วอ่ะ (ของเถื่อนน่ะ - -" ) ลองมาดูว่าเรามีตัวเลือกอะไรให้เลือกใช้กันบ้างในโลกนี้
จริงๆแล้วมันยังมีอีกหลาย OS น่ะ เพียงแต่ว่ามันจะไกลตัวผู้ใช้งานทั่วๆไป แล้วทำไมจะต้องใช้ลีนุกส์หล่ะ? เป็นคำถามที่ดี งั้นไปดูที่ Linux - ลีนุกซ์ คืออะไร part III
- Mac OS อันนี้เป็นระบบปฏิบัติการที่เกิดมาพร้อมๆกับ Microsoft Windows อาจจะก่อนด้วยไปซะด้วยซ้ำ เป็นของบริษัทแอปเปิ้ล (Apple) หลายๆ คนคงรู้จักกันดีกับสินค้าของเค้า ไม่ว่าจะเป็น Macintosh, MacBook, iPod, iPhone และล่าสุด iPad
- Linux OS อันนี้คือพระเอกของบทความนี้ จริงๆแล้วระบบปฏิบัติการนี้ก็มีอายุหรือเวลาในการเกิดมาพร้อมๆ กับ OS ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด เพียงแต่ว่าในขณะนั้นเจ้าลีนุกส์นี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง จะมีก็แต่เพียงกลุ่มนักศึกษาและนักวิจัยซึ่งสนใจและนำมาใช้งานเฉพาะด้าน จริงๆแล้วทั้ง Mac OS และ Linux OS นั้นจัดอยู่ในกลุ่มตระกูล Unix OS เอาไว้พูดถึงวันหลังก็แล้วกัน ความตั้งใจของคนที่สร้างเจ้าลีนุกส์นี้ เนื่องจากเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้วนั้น เจ้า OS ที่มีให้เลือกใช้และเสียเงินนั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่เราจะต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อหามาใช้จึงเป็นที่มาของมัน คนที่สร้างเป็นนักศึกษาคอมพิวเตอร์ในขณะนั้นและต้องการให้เป็นของฟรี ใครๆก็สามารถนำไปใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากมันสามารถทำงานได้อย่างดีและยังมีกลุ่มนักพัฒนาจากทั่วโลกทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต ได้ช่วยกันร่วมตรวจสอบและแก้ไขจนสามารถทำงานได้เทียบเท่ากับ Unix OS รุ่นพี่ จึงได้รับการยอมรับมาจนถึงปัจจุบันและมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลด้านล่างคุณจะเห็นได้ว่า ปริมาณผู้ใช้งานลีนุกส์มีแค่เพียง 1%
Usage share of web client operating systems. Source: Median values from Usage share of operating systems. Windows XP (58.64%) Windows Vista (23.25%) Windows 7 (7.70%) Mac OS X (5.12%) Linux (1.04%) iPhone (0.72%) Other (1.32%)
จริงๆแล้วมันยังมีอีกหลาย OS น่ะ เพียงแต่ว่ามันจะไกลตัวผู้ใช้งานทั่วๆไป แล้วทำไมจะต้องใช้ลีนุกส์หล่ะ? เป็นคำถามที่ดี งั้นไปดูที่ Linux - ลีนุกซ์ คืออะไร part III
Monday, February 22, 2010
Linux - ลีนุกซ์ คืออะไร part I
"Linux" ลีนุกซ์ คือ ระบบปฏิบัติการที่ให้คุณสามารถนำมาใช้งานได้ฟรี คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการคอมพิวเตอร์อาจจะงงว่าระบบปฏิบัติการมันคืออะไร แล้วทำไมต้องบอกว่าฟรี แล้วมันดีกว่าไมโครซอฟช์ยังไงในเมื่อมันก็เหมือนจะฟรี (อันนี้หมายถึงใช้ของผิดลิขสิทธิ์น่ะ) :D
เรามาเริ่มกันก่อน คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันทุกวันนี้มีส่วนประกอบอยู่ 2 ส่วนประกอบหลักๆ ที่ทำให้มันสามารถทำงานได้ อย่างแรกฮาร์ดแวร์ (Hardware) อีกส่วนคือซอฟร์แวร์ (Software) ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะทำงานร่วมกัน
ฮาร์ดแวร์ก็คือส่วนประกอบต่างๆที่คุณใช้งานโดยตรง เช่น คิย์บอร์ด เม้าท์ ซีพียู จอแสดงผล โดยปรกติอุปกรณ์พวกนี้ก็สามารถทำงานเองได้อยู่แล้วถ้ามีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันหรือเชื่อต่อกับระบบไฟฟ้า เนื่องด้วยอุปกรณ์หลักของคอมพิวเตอร์คือ ซีพียู (CPU) ซึ่งมันทำหน้าที่ในการประมวลผลหรือคำนวณข้อมูลรูปแบบต่างๆ ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าดิจิตอล ("0" & "1") แล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าในรูปแบบของสัญญาญไฟฟ้าดิจิตอลเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นเราจะนำสัญญาณไฟฟ้าพวกนั้นมาใช้งานอะไรได้บ้างหรือนำมาใช้ประโยนช์ได้อย่างไร?
นั่นเป็นคำถามที่ดี ผู้ที่สร้างคอมพิวเตอร์ทราบถึงข้อนี้ดี พวกเค้าจึงพยายามค้นหาวิธีที่จะทำให้มนุษย์สามารถติดต่อหรือทำงานกับเครื่องจักรไฟฟ้านี้ได้ จึงเป็นที่มาของอุปรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้ เช่น คีย์บอร์ด เอาไว้ป้อนข้อมูลภาษาของมนุษย์เข้าไปให้มันประมวลผลแล้วจอแสดงผลก็เอาไว้แสดงผลลัพธ์ที่มันทำการประมวลผลข้อมูลแล้วแสดงผลลัพธ์ให้กับมนุษย์สามารถเข้าใจได้ เช่น ข้อมูล ข่าวสาร รูปภาพ เพลง หรือข้อมูลอะไรก็แล้วแต่ จะเห็นได้ว่าจริงแล้ว เราก็แค่แปลงรูปแบบข้อมูลที่มนุษย์เข้าใจแล้วนำมาผ่านกระบวนการในการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปสัญญาณไฟฟ้าดิจิตอลแล้วจึงส่งให้กับซีพียูประมวลผลแล้วแปลงกลับมาเป็นข้อมูลที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ ซึ่งการทำงานที่ซับซ้อนนี้จะไม่สามารถทำได้ด้วยฮาร์แวร์เพียงอย่างเดียวจึงเป็นที่มาที่เราจำเป็นจะต้องมีซอฟแวร์!!!
แล้วมันเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการได้อย่างไร? คราวนี้เรามาพูดเรื่องซอฟร์แวร์ล้วนๆเลย ซอฟร์แวร์เองก็ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ ประเภท เช่น โปรแกรมตารางคำนวณ โปรแกรมวาดรูป โปรแกรมสร้างภาพสามมิติ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วระบบปฏิบัติการมันอยู่ตรงไหนหล่ะ?
จากรูปด้านซ้ายจะเห็นได้ว่าระบบปฏิบติการทำงานอยู่ตรงส่วนไหนของคอมพิวเตอร์คุณ ซึ่งจะเห็นไดว่าจริงๆ แล้วระบบปฏิบัติการก็คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดีๆตัวนึงเท่านั้น เพียงแต่ว่ามันทำหน้าที่ใหญ่ที่สุดในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อคอยควบคุมการทำงานของระบบโดยรวมทั้งหมด เช่น การจัดการข้อมูลต่างๆ การจัดการทรัพย์กรในระบบ หน่วยความจำ พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ควบคุมการทำงานของโปรแกรมต่างๆที่ทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมๆกัน โดยจะต้องไม่มีปัญหาใดๆ หรือเกิดปัญหาทำให้ระบบล่มหรือทำงานไม่ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าถ้าโปรแกรมระบบปฏิบัติการทำงานไม่ได้นั้น จะทำให้ทั้งระบบหรือคอมพิวเตอร์ของคุณจะไม่สามารถทำงานอะไรได้เลย
นั่นจึงเป็นที่มาของความสำคัญของระบบปฏิบัติการ
Linux - ลีนุกซ์ คืออะไร part II
เรามาเริ่มกันก่อน คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันทุกวันนี้มีส่วนประกอบอยู่ 2 ส่วนประกอบหลักๆ ที่ทำให้มันสามารถทำงานได้ อย่างแรกฮาร์ดแวร์ (Hardware) อีกส่วนคือซอฟร์แวร์ (Software) ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะทำงานร่วมกัน
ฮาร์ดแวร์ก็คือส่วนประกอบต่างๆที่คุณใช้งานโดยตรง เช่น คิย์บอร์ด เม้าท์ ซีพียู จอแสดงผล โดยปรกติอุปกรณ์พวกนี้ก็สามารถทำงานเองได้อยู่แล้วถ้ามีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันหรือเชื่อต่อกับระบบไฟฟ้า เนื่องด้วยอุปกรณ์หลักของคอมพิวเตอร์คือ ซีพียู (CPU) ซึ่งมันทำหน้าที่ในการประมวลผลหรือคำนวณข้อมูลรูปแบบต่างๆ ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าดิจิตอล ("0" & "1") แล้วได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าในรูปแบบของสัญญาญไฟฟ้าดิจิตอลเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นเราจะนำสัญญาณไฟฟ้าพวกนั้นมาใช้งานอะไรได้บ้างหรือนำมาใช้ประโยนช์ได้อย่างไร?
นั่นเป็นคำถามที่ดี ผู้ที่สร้างคอมพิวเตอร์ทราบถึงข้อนี้ดี พวกเค้าจึงพยายามค้นหาวิธีที่จะทำให้มนุษย์สามารถติดต่อหรือทำงานกับเครื่องจักรไฟฟ้านี้ได้ จึงเป็นที่มาของอุปรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้ เช่น คีย์บอร์ด เอาไว้ป้อนข้อมูลภาษาของมนุษย์เข้าไปให้มันประมวลผลแล้วจอแสดงผลก็เอาไว้แสดงผลลัพธ์ที่มันทำการประมวลผลข้อมูลแล้วแสดงผลลัพธ์ให้กับมนุษย์สามารถเข้าใจได้ เช่น ข้อมูล ข่าวสาร รูปภาพ เพลง หรือข้อมูลอะไรก็แล้วแต่ จะเห็นได้ว่าจริงแล้ว เราก็แค่แปลงรูปแบบข้อมูลที่มนุษย์เข้าใจแล้วนำมาผ่านกระบวนการในการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปสัญญาณไฟฟ้าดิจิตอลแล้วจึงส่งให้กับซีพียูประมวลผลแล้วแปลงกลับมาเป็นข้อมูลที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ ซึ่งการทำงานที่ซับซ้อนนี้จะไม่สามารถทำได้ด้วยฮาร์แวร์เพียงอย่างเดียวจึงเป็นที่มาที่เราจำเป็นจะต้องมีซอฟแวร์!!!
แล้วมันเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการได้อย่างไร? คราวนี้เรามาพูดเรื่องซอฟร์แวร์ล้วนๆเลย ซอฟร์แวร์เองก็ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ ประเภท เช่น โปรแกรมตารางคำนวณ โปรแกรมวาดรูป โปรแกรมสร้างภาพสามมิติ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วระบบปฏิบัติการมันอยู่ตรงไหนหล่ะ?
จากรูปด้านซ้ายจะเห็นได้ว่าระบบปฏิบติการทำงานอยู่ตรงส่วนไหนของคอมพิวเตอร์คุณ ซึ่งจะเห็นไดว่าจริงๆ แล้วระบบปฏิบัติการก็คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดีๆตัวนึงเท่านั้น เพียงแต่ว่ามันทำหน้าที่ใหญ่ที่สุดในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อคอยควบคุมการทำงานของระบบโดยรวมทั้งหมด เช่น การจัดการข้อมูลต่างๆ การจัดการทรัพย์กรในระบบ หน่วยความจำ พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ควบคุมการทำงานของโปรแกรมต่างๆที่ทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมๆกัน โดยจะต้องไม่มีปัญหาใดๆ หรือเกิดปัญหาทำให้ระบบล่มหรือทำงานไม่ได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าถ้าโปรแกรมระบบปฏิบัติการทำงานไม่ได้นั้น จะทำให้ทั้งระบบหรือคอมพิวเตอร์ของคุณจะไม่สามารถทำงานอะไรได้เลย
นั่นจึงเป็นที่มาของความสำคัญของระบบปฏิบัติการ
Linux - ลีนุกซ์ คืออะไร part II
Thursday, February 18, 2010
แนะนำหนังดีให้แง่คิดเดือนนี้
การดูหนังหรือละครบางเรื่องอาจจะให้แง่คิดบางอย่างหรือสร้างความรู้สึกจนทำให้เรารู้ตัวหรือได้สติ หรือได้เห็นประสพการณ์ชีวิตของตัวละครในเรื่อง ซึ่งมีทั้งเรื่องจริงหรือแต่งเรื่องขึ้นมาโดยมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง คุณลองหาหนังดีๆมาดูน่ะครับ คุณอาจจะได้อะไรมากกว่าความมันส์... :D
"ชอว์แชงค์" เป็นหนังเก่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หนังเล่าเรื่องของชีวิตผู้ชายคนหนึ่งทำงานเป็นพนักงานธนาคาร แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดทำให้เค้าต้องเข้าไปอยู่ในคุกเป็นเวลานาน หนังเรื่องนี้สอนให้เรารู้จักถึงมิตรภาพระหว่างมนุษย์ ความรุนแรงในเรือนจำและเราควรจะต้องมีความหวังในชีวิตถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดซักเพียงไรก็ตาม
"Heat" เป็นหนังเก่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเช่นกัน เป็นหนังที่ค่อนข้างยาว หนังเล่าเรื่องของผู้ชายสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นแก็งค์อาชญากรรมทำงานกันเป็นทีมเพื่ออยู่รอด อีกกลุ่มเป็นเป็นตำรวจเพื่อรักษาความสงบแล้วคอยปราบปรามพวกแก็งค์อาชญากรรม
หนังสอนให้เรารู้จัก "ความดีกับความชั่ว" ผู้ชายคนนึงทำความชั่วเพราะเกิดมาในสังคมที่ไม่ดีเลยต้องมีอาชีพในด้านชั่วและไม่เคยสนใจความดี ในขณะที่ผู้ชายอีกคนนึงเกิดมาในสังคมที่ดีแต่ต้องหมดเวลาทั้งหมดของชีวิตในการตามล่าคนชั่ว ชีวิตครอบครัวล้มเหลว
"ชอว์แชงค์" เป็นหนังเก่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หนังเล่าเรื่องของชีวิตผู้ชายคนหนึ่งทำงานเป็นพนักงานธนาคาร แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดทำให้เค้าต้องเข้าไปอยู่ในคุกเป็นเวลานาน หนังเรื่องนี้สอนให้เรารู้จักถึงมิตรภาพระหว่างมนุษย์ ความรุนแรงในเรือนจำและเราควรจะต้องมีความหวังในชีวิตถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดซักเพียงไรก็ตาม
"Heat" เป็นหนังเก่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเช่นกัน เป็นหนังที่ค่อนข้างยาว หนังเล่าเรื่องของผู้ชายสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นแก็งค์อาชญากรรมทำงานกันเป็นทีมเพื่ออยู่รอด อีกกลุ่มเป็นเป็นตำรวจเพื่อรักษาความสงบแล้วคอยปราบปรามพวกแก็งค์อาชญากรรม
หนังสอนให้เรารู้จัก "ความดีกับความชั่ว" ผู้ชายคนนึงทำความชั่วเพราะเกิดมาในสังคมที่ไม่ดีเลยต้องมีอาชีพในด้านชั่วและไม่เคยสนใจความดี ในขณะที่ผู้ชายอีกคนนึงเกิดมาในสังคมที่ดีแต่ต้องหมดเวลาทั้งหมดของชีวิตในการตามล่าคนชั่ว ชีวิตครอบครัวล้มเหลว
Tuesday, February 16, 2010
กฏของธานี (Tanee's Law) - Efficiency Life
หลายๆ คนคงเคยจำได้สมัยเรียนในวิชากลุ่มคณิตศาสตร์หรือวิชาคำนวณต่างๆ จะมีกฏข้อจำกัดต่างๆ หรือสูตรในการคำนวณหาค่า เพื่อนำผลลัพธ์มาใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือวิเคราะห์ตัวเลขเพื่อนำไปแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่นเดียวกัน ผมเองนั้นเรียนไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์ เพราะทุกครั้งที่เรียนก็ไม่ค่อยได้สนใจ :P เพราะอยู่ดีๆก็อ้างสูตร อ้างสมการ แต่ไม่เคยสอนถึงที่มาหรือบอกว่าอันนี้คืออะไร ทำไมเราต้องเรียนหรือทำความเข้าใจ เสร็จแล้วก็สั่งการบ้าน - -"
เคยคิดเล่นๆ ว่าวันนึงเราจะต้องมีสูตรคำนวณเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นสมการยากๆ ที่ต้องทำให้โลกตะลึง เหมือนของไอสไตน์ E=MC2 :P สูตรของผมก็จะเป็นการคำนวณเรื่องง่ายๆ ใกล้ๆตัวที่ทุกๆคนสามารถทดลองดูได้
ประสิทธิภาพของชีวิต = (ค่าใช้จ่ายของชีวิต/จำนวนปีที่ใช้ ) /รายได้เฉลียต่อปี
Efficiency Life = ( Cost of your life / Year of service ) / Yearly of income
* Cost of your life - How much money did you spend for your life?
* Year of services - How many year did you spend for your whole life?
* Yearly of income - How much money did you earn?
ผลลัพธ์ของการการคำนวณจะเป็นค่าดัชนีที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของการใช้ชีวิตของคุณในแต่ละปี หรือช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตว่าคุณได้ใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพเพียงไร
* ค่าที่น้อยยิ่งแสดงถึงประสิทธิภาพของชีวิตที่คุณได้ใช้ผ่านมาว่าเยี่ยม
* ยิ่งค่าสูงเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องกลับมามองดูตัวเองว่า ที่ผ่านมาคุณได้ทำอะไรไปบ้าง แล้วลองกลับมาทบทวนดูสิว่า ค่าพารามิเตอร์ตัวไหนที่คุณควรจะปรับปรุง
*** สูตรนี้ยังไม่สมบูรณ์ขอเวลาผมศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำมาปรับปรุงและคำนวณได้แม่นยำมากขึ้น ***
ขอให้โชคดีกันทุกๆคนน่ะ :)
เคยคิดเล่นๆ ว่าวันนึงเราจะต้องมีสูตรคำนวณเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นสมการยากๆ ที่ต้องทำให้โลกตะลึง เหมือนของไอสไตน์ E=MC2 :P สูตรของผมก็จะเป็นการคำนวณเรื่องง่ายๆ ใกล้ๆตัวที่ทุกๆคนสามารถทดลองดูได้
ประสิทธิภาพของชีวิต = (ค่าใช้จ่ายของชีวิต/จำนวนปีที่ใช้ ) /รายได้เฉลียต่อปี
Efficiency Life = ( Cost of your life / Year of service ) / Yearly of income
* Cost of your life - How much money did you spend for your life?
* Year of services - How many year did you spend for your whole life?
* Yearly of income - How much money did you earn?
ผลลัพธ์ของการการคำนวณจะเป็นค่าดัชนีที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของการใช้ชีวิตของคุณในแต่ละปี หรือช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตว่าคุณได้ใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพเพียงไร
* ค่าที่น้อยยิ่งแสดงถึงประสิทธิภาพของชีวิตที่คุณได้ใช้ผ่านมาว่าเยี่ยม
* ยิ่งค่าสูงเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องกลับมามองดูตัวเองว่า ที่ผ่านมาคุณได้ทำอะไรไปบ้าง แล้วลองกลับมาทบทวนดูสิว่า ค่าพารามิเตอร์ตัวไหนที่คุณควรจะปรับปรุง
*** สูตรนี้ยังไม่สมบูรณ์ขอเวลาผมศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำมาปรับปรุงและคำนวณได้แม่นยำมากขึ้น ***
ขอให้โชคดีกันทุกๆคนน่ะ :)
Monday, February 15, 2010
ภาษิต คติธรรม คำสอน เดือนนี้
ผู้ให้ไม่หวังผล ผู้รับไม่ควรลืม
ผู้กระทำการใหญ่ ย่อมไม่ถือสาคำตำหนิเล็กๆ น้อยๆ
ระวังการใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ รูรั่วเล็กๆ อาจจมเรือใหญ่ได้
โรคภัยเข้าทางปาก ภัยวิบัติก็ออกจากปาก
เทพเจ้าแห่งโชคลาภย่อมรักคนกล้าหาญ
ความขี้เกียจคือสุสานฝังคนทั้งเป็น
อาศัยโชคชะตาหรือจะสู้ความสามารถตนเองได้
รู้จักคนรู้จักหน้า แต่หารู้จิตใจเขาไม่
ผู้กระทำการใหญ่ ย่อมไม่ถือสาคำตำหนิเล็กๆ น้อยๆ
ระวังการใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ รูรั่วเล็กๆ อาจจมเรือใหญ่ได้
โรคภัยเข้าทางปาก ภัยวิบัติก็ออกจากปาก
เทพเจ้าแห่งโชคลาภย่อมรักคนกล้าหาญ
ความขี้เกียจคือสุสานฝังคนทั้งเป็น
อาศัยโชคชะตาหรือจะสู้ความสามารถตนเองได้
รู้จักคนรู้จักหน้า แต่หารู้จิตใจเขาไม่
Thursday, February 11, 2010
แนะนำหนังสือน่าอ่านเดือนนี้
"อิหร่านในรอยจำ" เป็นหนังสือแนวท่องเที่ยวที่ทำให้คุณได้มากกว่าการท่องเที่ยว เขียนโดย วันรวี รุ่งแสง นอกจากจะได้รู้จักอิหร่านและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีความสวยงามแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังแฝงไปด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ผู้เขียนแฝงไว้ในเนื้อหาแต่ละบทด้วย
"เสียดาย...คนอินเดียไม่ได้อ่าน" แค่ชื่อหนังสือก็ชวนให้ขำแล้ว เขียนโดย ใบพัด เนื้อหาในหนังสือยังทำให้คุณขำกลิ้งเข้าไปใหญ่ :D เป็นเรื่องของหนุ่มคนหนึ่งที่ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวอินเดียแบบติ๋มๆ อ่านแล้วคุณอาจจะอยากทำอะไรที่คุณไม่ได้ทำมานานก็ได้
"ทวาร 6 ศาสตร์แห่งการรู้ทันตนเอง" เขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจิรา หนังสือพูดถึงการรู้เท่าทันสิ่งที่จะเข้ามากระทบกับเราโดยทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ซึ่งทำให้เราเกิดความรู้สึกต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์ ผู้เขียนได้เปรียบเทียบและยกตัวอย่างให้เราได้เห็นภาพอย่างลึกซึ้งที่สุด
คำเตือน เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามอ่าน!!! :P
"เสียดาย...คนอินเดียไม่ได้อ่าน" แค่ชื่อหนังสือก็ชวนให้ขำแล้ว เขียนโดย ใบพัด เนื้อหาในหนังสือยังทำให้คุณขำกลิ้งเข้าไปใหญ่ :D เป็นเรื่องของหนุ่มคนหนึ่งที่ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวอินเดียแบบติ๋มๆ อ่านแล้วคุณอาจจะอยากทำอะไรที่คุณไม่ได้ทำมานานก็ได้
"ทวาร 6 ศาสตร์แห่งการรู้ทันตนเอง" เขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจิรา หนังสือพูดถึงการรู้เท่าทันสิ่งที่จะเข้ามากระทบกับเราโดยทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ซึ่งทำให้เราเกิดความรู้สึกต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์ ผู้เขียนได้เปรียบเทียบและยกตัวอย่างให้เราได้เห็นภาพอย่างลึกซึ้งที่สุด
คำเตือน เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามอ่าน!!! :P
Tuesday, February 9, 2010
อายุเป็นเพียงตัวเลข
"เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก" ยิ่งอายุมากขึ้นคุณก็จะยิ่งรู้สึกว่าทำไมเวลามันผ่านไปเร็วอย่างนี้ ตอนนี้ก็เหลือเวลาทำงานในปีนี้อีกแค่ 10 เดือนกว่าๆเอง หรือเป็นเพราะพออายุมากขึ้นเราก็เริ่มทำงานมากขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น งานที่รับผิดชอบก็จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับระยะเวลามากขึ้น เช่น ปีนี้ต้องรับยอดเท่าไหร่ แต่ละไตรมาสต้องมียอดขายเท่าไหร่ แต่ละเดือนต้องมีงานเสร็จกี่งาน แต่ละสัปดาห์ต้องพบลูกค้าเท่าไหร่ แต่ละวันต้องทำไรบ้าง :(
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า "วันเวลาจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง" เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ความจริงข้อนี้ เราควรจะทำอย่างไรดี
สุดท้าย ลองกลับไปทำอะไรแบบเด็กๆ เล่นกับเด็ก หรืออะไรที่คุณเคยทำตอนเด็กๆแล้วมีความสุขมากๆ แล้วลองกลับไปทบทวนหรือกลับไปทำสิ่งที่คุณพลาดไม่ได้ทำในวัยเด็ก แล้วคุณจะรู้ว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข
ขอให้โชคดีและมีความสุขกันทุกคนน่ะ :)
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า "วันเวลาจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง" เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ความจริงข้อนี้ เราควรจะทำอย่างไรดี
- ลองคิดทบทวนว่าตอนนี้อายุเราเท่าไหร่แล้ว ที่ผ่านมาแต่ละช่วงรอบอายุ เราได้ทำอะไรที่ดีและไม่ดีไปบ้าง ประสพการณ์ที่ผ่านมาสิ่งไหนควรจะนำมาเป็นบทเรียนที่จะไม่ทำให้ผิดพลาดอีก สิ่งไหนควรจะนำมาเป็นตัวอย่างในการตัดสินใจที่ถูกต้อง เช่น คุณตัดสินใจเร็วเกินไปที่จะเลือกสิ่งของบางชิ้นเข้ามาในชีวิตที่มันทำให้คุณต้องเสียเวลาไปโดยปล่าวประโยชน์ แทนที่จะให้เวลาพิจารณาใคร่ครวญไตร่ตรองให้รอบคอบกว่านี้
- ลองสำรวจมองหาเป้าหมายในชีวิตเรา ว่าเราเกิดมาบนโลกนี้เพื่ออะไร ควรจะทำอะไรไว้ให้เกิดประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่น ก่อนที่เราจะไม่มีโอกาศได้ทำสิ่งนั้น มีสติแล้วลงมือทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกอย่างพร้อม ค่อยๆทำไปทีละนิด ใจเย็นๆ อย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำไปแล้ว เราจะได้ไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้ทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้น
- พยายามรักในที่สิ่งที่คุณทำทุกๆวันหรือทำในสิ่งที่รัก และมีความสุขกับทุกๆ วันในการทำกิจการการงานต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันให้มีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้บางวันอาจจะเป็นวันที่ขมขืนที่สุด
สุดท้าย ลองกลับไปทำอะไรแบบเด็กๆ เล่นกับเด็ก หรืออะไรที่คุณเคยทำตอนเด็กๆแล้วมีความสุขมากๆ แล้วลองกลับไปทบทวนหรือกลับไปทำสิ่งที่คุณพลาดไม่ได้ทำในวัยเด็ก แล้วคุณจะรู้ว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข
ขอให้โชคดีและมีความสุขกันทุกคนน่ะ :)
Thursday, February 4, 2010
twitter - เทคโนโลยีย่อโลกข่าวสารไร้พรมแดน
"twitter" ไม่บอกก็คงรู้ว่ามันคืออะไร คุณหล่ะมีกันบ้างหรือปล่าว จะไม่ลองใช้งานดูบ้างหร๋อ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมหลายๆ คนจึงติดมันมากๆ โดยจะเอามันมาใช้ในการกระจายข้อมูลข่าวสารไปยังผู้รับหลายๆคนพร้อมกัน โดยพิมพ์เพียงครั้ง มันต่างกับระบบ e-mail น่ะ แต่ว่าข้อจำกัดคือคุณจะส่งข่าวสารได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษรเท่านั้น!!!
ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ก็จะเป็นพวกบรรดานักข่าวหรือคนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการอัพเดทข้อมูลข่าวหรือเหตุการณ์ที่รวดเร็วทันใจ โดยที่มันสามารถทำงานได้บน คอมพิวเตอร์ มือถือ และอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้ ถามว่าทำไมมันจึงได้รับความนิยม เพราะว่ามันฟรี !!! :P อีกอย่างถ้าคุณสนใจข้อมูลข่าวสารหรือสนใจข้อมูลของบุคคลต่างๆ ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด คุณจะพบว่า พวกเค้าจะอัพเดทข้อมูลพวกนี้ให้คุณได้รับรู้อยู่ตลอดเวลา โดยที่คุณไม่ต้องสมัครรับข่าวสารใดๆ เลย
ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ก็จะเป็นพวกบรรดานักข่าวหรือคนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการอัพเดทข้อมูลข่าวหรือเหตุการณ์ที่รวดเร็วทันใจ โดยที่มันสามารถทำงานได้บน คอมพิวเตอร์ มือถือ และอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้ ถามว่าทำไมมันจึงได้รับความนิยม เพราะว่ามันฟรี !!! :P อีกอย่างถ้าคุณสนใจข้อมูลข่าวสารหรือสนใจข้อมูลของบุคคลต่างๆ ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด คุณจะพบว่า พวกเค้าจะอัพเดทข้อมูลพวกนี้ให้คุณได้รับรู้อยู่ตลอดเวลา โดยที่คุณไม่ต้องสมัครรับข่าวสารใดๆ เลย
เหรียญมีสองด้าน - good or bad
เคยมีคนบอกว่า ทุกๆอย่างในโลกนี้ธรรมชาติล้วนมีความสมดุลย์ของมันแล้ว เช่น มีเวลากลางวันให้ 12 ชั่วโมง ก็ให้เวลากลางคืน 12 ชั่วโมงเท่ากัน ความดีกับความชั่วก็เหมือนกัน ไม่มีใครดีทั้งหมดในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครเลวมั้งหมด บางแง่มุมของเหตุการณ์ ณ ขณะนั้นอาจจะมองว่าดีพอเวลาผ่านไปก็อาจจะกลับมามองว่าไม่ดี เป็นธรรมดาของโลก
แต่จะมีซักกี่คนที่เคยสังเกตุหรือไม่ว่า พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ทุกๆ อย่างว่าในโลกนี้ทุกๆสิ่งล้วนเกิดขึ้นอยู่แล้วดับไป ท่านรู้ทุกๆอย่างไม่ว่าจะดีหรือเลว แต่ทำไมท่านจึงเลือกที่จะสอนเราไปยังทางสายเอกเพียงสายเดียวคือ การดับทุกข์ หรือว่าท่านอาจจะพบว่านี่คือเส้นทางสายเดียวที่มนุษย์ทุกๆคนที่อยากหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลายควรจะศึกษาและทำความเข้าใจกับมันให้ได้มากที่สุด
ท่านไม่ได้บอกให้ เลิกพัฒนา, เลิกทำงาน, เลิกมีความรัก, เลิกหาความมั่งคั่งร่ำรวย, เลิกกินเที่ยว อื่นๆ แต่ท่านกลับสอนให้เราเลือกที่จะเดินสายกลางในการมีชีวิตทุกๆวันให้มีความสุข แจ่มใสเบิกบาน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องทุกข์กับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราในทุกๆวันที่ผ่านไป ยังไงทุกๆคนล้วนต้องเดินไปที่จุดหมายปลายทางเดียวกันคือ ความตาย
"ธรรมะชนะอธรรม" เป็นความจริงแน่แท้ของมนุษย์ทุกๆคนควรจะต้องทำความเข้าใจ ธรรมะคือ ความดี อธรรม คือ ความชั่ว ธรรมะที่ชนะอธรรมนั้น เค้าก็อาจจะชนะกันแค่ 51:49 เท่านั้น แต่นั่นก็ยากพอที่จะทำให้ธรรมะ(ความดี) นั้นเป็นสิ่งที่ทำยากพอๆกับอธรรม (ความชั่ว) เพราะฉะนั้นจงพยายามมีสติและตั้งใจทำแต่ความดี เพราะผลลัพธ์ของมันก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า ถ้าวันเวลาหนึ่งมาถึงคุณอาจจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ.
แต่จะมีซักกี่คนที่เคยสังเกตุหรือไม่ว่า พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ทุกๆ อย่างว่าในโลกนี้ทุกๆสิ่งล้วนเกิดขึ้นอยู่แล้วดับไป ท่านรู้ทุกๆอย่างไม่ว่าจะดีหรือเลว แต่ทำไมท่านจึงเลือกที่จะสอนเราไปยังทางสายเอกเพียงสายเดียวคือ การดับทุกข์ หรือว่าท่านอาจจะพบว่านี่คือเส้นทางสายเดียวที่มนุษย์ทุกๆคนที่อยากหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลายควรจะศึกษาและทำความเข้าใจกับมันให้ได้มากที่สุด
ท่านไม่ได้บอกให้ เลิกพัฒนา, เลิกทำงาน, เลิกมีความรัก, เลิกหาความมั่งคั่งร่ำรวย, เลิกกินเที่ยว อื่นๆ แต่ท่านกลับสอนให้เราเลือกที่จะเดินสายกลางในการมีชีวิตทุกๆวันให้มีความสุข แจ่มใสเบิกบาน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องทุกข์กับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราในทุกๆวันที่ผ่านไป ยังไงทุกๆคนล้วนต้องเดินไปที่จุดหมายปลายทางเดียวกันคือ ความตาย
"ธรรมะชนะอธรรม" เป็นความจริงแน่แท้ของมนุษย์ทุกๆคนควรจะต้องทำความเข้าใจ ธรรมะคือ ความดี อธรรม คือ ความชั่ว ธรรมะที่ชนะอธรรมนั้น เค้าก็อาจจะชนะกันแค่ 51:49 เท่านั้น แต่นั่นก็ยากพอที่จะทำให้ธรรมะ(ความดี) นั้นเป็นสิ่งที่ทำยากพอๆกับอธรรม (ความชั่ว) เพราะฉะนั้นจงพยายามมีสติและตั้งใจทำแต่ความดี เพราะผลลัพธ์ของมันก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า ถ้าวันเวลาหนึ่งมาถึงคุณอาจจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ.
Subscribe to:
Posts (Atom)