Sunday, November 18, 2012

ปั่นจักรยานได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด!!!

       หลายๆ คนอาจจะกำลังหากิจกรรมหรือกีฬาอะไรซักอย่างเพื่อผ่อนคลายหรือดูแลสุขภาพ การปั่นจักรยานก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่ไม่ใช่เฉพาะคุณผู้ชายเท่านั้น่ะ ผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ ก็เห็นปั่นกันเยอะไป เพียงแต่พวกคุณอาจจะไม่ค่อยเห็นได้ออกสื่อ ที่สำคัญเครื่องแต่งกายของพวกเธอก็สวยอย่าบอกใคร!!!
       จะปั่นในยิมหรือ outdoor ก็ได้ทั้งน้านขอให้คุณได้ลองมาปั่นดู คุณจะรู้ว่าความสุขอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง ยิ่งถ้าคุณได้ออกไปปั่นกับถนนหรือสถานที่สวยๆ งามๆ คุณจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปเพื่อชื่นชมความงานของโลกใบนี้ สิ่งที่คุณจะได้จากการปั่นจักรยาน ลองดูน่ะ

  • สุขภาพที่ดีขึ้น หน้าท้องที่ลดลง กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงขึ้น เรียวขาที่สวยขึ้น
  • สมาธิ งงอ่ะดิ๊ แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าการปั่นจักรยานจิงๆ แล้วคือการฝึกสมาธิขั้นสูง เมื่อคุณต้องปั่นไปบนถนนใน กทม!!!
  • สังคมดีๆ ของคนที่ปั่นจักรยานด้วยกัน คนพวกนี้จะเป็นคนที่มีจิตใจดี สงบ ร่มเย็น เพราะเค้าสามารถเข้าสมาธิจาการปั่นจักรยาน!!!
  • ลดโลกร้อน
ลองดูน่ะเงินค่าสมาชิก Fitness ปีละหลายๆ หมื่นหน่ะ เอาไปลงทุนซื้อจักรยานดีๆ ซักคันไว้เป็นเพื่อนที่บ้าน เวลาเหงาๆ คุณจะรู้ว่าเค้าเป็นเพื่อนที่เยี่ยมที่สุด ในวันที่คุณเองก็ไม่มีใคร

       ขอให้โชคดีครับ :)

Monday, November 12, 2012

ได้อย่าง....เสียอย่าง T T

      เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมได้มีโอกาศรู้จักผู้หญิงสองคนด้วยความบังเอิญ ในขณะนั้นผมเองมีปัญหาหลายๆอย่างในชีวิตได้ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน เนื่องจากประสพการณ์ในการใช้ชีวิตยังน้อยทำให้ไม่สามารถที่จะรับมือกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้ ผมเจอเธอที่เซ็นทรัลลาดพร้าวชั้นใต้ดิน
       เธอทั้งสองคนเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว เปิดร้านขายรองเท้าหนังของผู้ชาย ส่งออกต่างประเทศด้วย ผมได้มีโอกาศเป็นลูกค้าของร้านเธอ เพราะรองเท้าร้านเธอไม่เหมือนใคร มีคุณภาพดีและราคาไม่แพง ที่สำคัญเธอใจดีมาก เราได้มีโอกาศได้คุยกัน รวมถึงได้มีโอกาศได้ให้คำปรึกษากับผม เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงนั้น ผมรู้สึกและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นใจที่ได้รับจากผู้หญิงทั้งสองคนนั้น เธอไม่ได้เรียกร้องหรือกล่าวหา หรือต่อว่าผมกับสิ่งที่ผมได้ทำหรือตัดสินใจทำอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนหนึ่งในชีวิตผม (สองคนดิ๊) เธอกลับพยายามตั้งใจฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจและให้คำปรึกษาว่า ลองพยายามทำแบบนี้ดูไหม ซึ่งผมก็พยายามให้เหตุผลและข้อมูลจริง ซึ่งเธอนั้นมีประสพการณ์ในชีวิตมาไม่ต่างกันมาก เธอจึงมีความเข้าใจและเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม  ในขณะเดียวกันเวลานั้นก็ได้มีผู้หญิงอีกคนที่ได้เข้ามาในชีวิตผม (เรียกเธอว่า Dream Girl แล้วกัน) มีคนแนะนำให้ผมได้รู้จักแค่เพียงรูปภาพเท่านั้น คุณอาจจะไม่เชื่อแค่เพียงแว๊บแรกเท่านั้นที่ผมได้เห็นรูปเธอ ใจผมเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกได้เพียงนี้แม้แค่เพียงรูปถ่ายของเธอ ผมก็รู้ได้แล้วว่าเธอคนนี้คือ ตัวจริง เสียงจริงที่ผม......   ผมพยายามหาข้อมูลจนรู้ได้ว่าเธอเคยทำงานที่เดียวกับผม แต่เราไม่เคยเจอกันเลยหรืออาจจะเคอยเจอกัน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ผมได้มีโอกาศได้รู้จักแม่ของเธอด้วย (จะเล่าให้ฟังวันหลังน่ะ)
     กลับมาที่ผู้หญิงสองคนนั้น ผมก็ยังมีโอกาศได้แวะเวียนไปหาและเป็นลูกค้าของเธออยู่เนื่องๆ เพราะรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เจอ บางครั้งผมก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ ช่วยขายรองเท้าบ้าง จนเวลาผ่านไป ผมเองก็มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบจนทำให้เราห่างกันออกไป จนวันนึ่งผมได้มีโอกาศกลับไปหาเธอที่ร้านอีกครั้งปรากฏว่า ร้านเธอหายไป ร้านเธอย้ายไปแล้ว!!! ผมไม่มีเบอร์โทรเลย แล้วผมจะหาเธอได้อย่างไร จนผมได้ข้อมูลว่าเธอย้ายร้านไปอยู่ JJ Mall ผมตัดสินใจไปตามหาเธอที่นั้นแระแล้วผมก็ได้พบกับเธออีกครั้ง!!! เธอยังสดใส น่ารักเหมือนเดิม ยังยิ้มและดีใจที่ได้เห็นผมกลับมามีชีวิตที่ดีและสดใสอีกครั้ง เรายังได้ไถ่ถามารทุกข์สุขดิบตามประสาคนที่เคยสนิทกัน  ผมซื้อของกินอร่อยๆ ไปฝากเธอ ร้านเธอยังขายดีเหมือนเดิม มีลูกค้าแน่นเหมือนเดิม เรายังมีโอกาศได้เล่าและอัพเดทเรื่องของ Dream Girl ผมบอกเธอว่า เธอได้แต่งงานไปแล้วกับผู้ชายผู้โชคดีคนหนึ่ง เพราะว่าผมเองก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้ในขณะนั้นและช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเองก็มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ เพราะเธอคนนั้นที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะให้ตัวเองมีค่าเพียงพอให้เธอและแม่ของเธอต้องภูมิใจ ถ้าผมเองจะเสนอตัวเพื่อขอเป็นลูก.....
         และแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาก็มีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิตผมอีกครั้ง มีผู้หญิงอีกคนได้เดินเข้ามาในชีวิตผมอีกคน อันนี้เรียกเธอว่า (เจ้ากรรมนายเวรตัวจริง!!!) ผมไม่มีโอกาศได้กลับไปหาผู้หญิงสองคนนี้เลย จนเมื่อวาน......
         ผมเดินทางไปด้วยความตั้งใจที่จะต้องพบเธอเพื่อให้เธอได้เห็นว่า วันนี้ผมแกร่งขึ้น เข้มแข็งกว่าเมื่อก่อนนี้มากมายหลายเท่านัก ไม่มีใครทำให้ผมต้องสั่นสะเทือนได้อีกแล้ว ผมตั้งใจจะกลับไปหาเธอเพื่อตอบแทนกับสิ่งที่เธอเคยช่วยเหลือผมทั้งทางร่างกายและจิตใจ....
       ร้านยังอยู่ที่เดิม แต่....คนขายเปลี่ยนไปเป็นเด็กสาวหน้าตาดี ผมถามเธอว่า ใช่ร้านคุณยายกับพี่จอยหรือปล่าว ร้านเดิมชื่อร้าน Forence  เธอบอกว่าใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเจ้าของและชื่อร้านไปแล้ว ผมถามต่อว่าแล้วทั้งสองคนเป็นไงบ้าง...

         เธอตอบกลับมาว่า..... คุณยายเสียแล้ว!!!! จากอุบัติทางรถยนต์ เธอถูกรถยนต์ชนบริเวณป้ายรถเมล์ เมื่อประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้  แล้วลูกสาวเธอพี่จอยหล่ะ   เธอบอกว่าพึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เธอถูกรถยนต์ชนเหมือนกันเมื่อ 4-5 เดือนที่แล้วเอง!!!!!!!!!!!!!!

Wednesday, November 7, 2012

หนังสือแนะนำเดือนนี้




รวมบทความวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ให้ความรู้ข้อคิดที่จะมีผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในวันข้างหน้า รวบรวมและเรียบเรียง: รอฮีม ปรามาท ผู้เขียนหนังสือ เมื่อโลกแบน "The World is Flat: A Brief History of the Twenty-First Century"


Tuesday, November 6, 2012

ลูกผู้ชายตัวจริง - III

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ลูกผู้ชายตัวจริง - II หลังจากเรียนจบ ผมเองก็เข้ามาหางานทำใน กรุงเทพฯ ก็คงเหมือนกับหลายๆคนที่มาจากต่างจังหวัด โดยหวังว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่าการทำงานอยู่กับบ้านที่ต่างจังหวัด ผมเริ่มเข้ามาทำงานประมาณปี 2539 สมัยนั้นในระแวกชุมชนที่ผมอยู่นั้น การที่ได้ไปทำงานกรุงเทพฯ หรือได้เข้ามาเรียนนั้นดูจะทำให้เป็นคนทันสมัยและน่าอิจฉายิ่งนัก ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เพราะทำงานหาเงินเองได้ เวลากลับไปบ้านต่างจังหวัด ทุกคนก็จะมาเที่ยวหา ถามไถสารทุกข์สุขดิบ ตามประสาคนต่างจังหวัดที่อยากรู้ว่า กรุงเทพฯ มันเป็นไง สนุกไหม ผู้คนเป็นไงกันบ้าง ผมเองก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะเหนื่อยจากการงาน ส่วนใหญ่กลับไปก็นอน แล้วก็ต้องเตรียมตัวเดินทางกลับมา กทม ในเช้ามืดวันจันทร์เพื่อให้ทันกับการทำงานที่ กทม.
          เป็ดนั้นก็เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่โตมาพร้อมๆ กัน เค้าเป็นรุ่นน้องประมาณ 3 ปี ที่บ้านขายของชำ มีพี่สาวสองคน สิ่งที่ผมจำได้เกี่ยวกับเป็ดคือ เค้าจะมาคุยเล่นกับผมบ้าง น่าจะสนิทสุด เพราะหน้าบ้านเยื้องๆ กันอยู่ กรปรกับแม่ผมได้เซ็งร้านขายของชำต่อจากแม่เค้ามาขายของชำ ตั้งแต่สมัยผมอยู่ประถม  ก็เลยทำให้บ้านผมเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ พูดคุยของบรรดาผู้คนในชุมชน หลังจากที่รุ่นผมเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงานหรือเรียนต่อนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ชุมชนที่ผมเคยอยู่กลับเงียบสงัดลงไปถนัดตา หลังจากที่ผมได้มีโอกาศกลับไปเที่ยวหลังจากทำงานมาได้ซัก 1-2 ปี เพราะว่า คนรุ่นใหม่ก็ละทิ้งบ้านไปใช้ชีวิตตามที่แต่ละคนอยากทำ บางคนก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยียนที่ชุมชนนั้นอีกเลย
        เป็ดนั้นถ้าผมจำไม่ผิด ในช่วงที่ผมเรียนอยู่ระดับ ปวช. ขณะนั้นยาม้า (ยาบ้า) เริ่มเข้ามาในชุมชนและเริ่มมีการซื้อขาย บางคนก็เสพด้วย ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยชัดนัก แต่รู้ตัวอีกที เป็ดก็เข้าไปอยู่ในคุกแล้ว ด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับยาม้า และผมเองก็ไม่มีโอกาศได้เจอ หรือพูดคุยกับเป็ดอีกเลย รู้ข่าวอีกที่ล่าสุด เมื่อเร็วๆนี้ เป็ดพึ่งจะออกจากคุก ส่วนพ่อแม่และพี่สาวคนรองได้เสียชีวิตไปแล้ว เหลือพี่สาวคนโต พ่อผมบอกว่า เป็ดออกจากคุกมาทำงานกับตี๋
       ผมเองก็ยังไม่มีโอกาศได้กลับไปและเจอพวกเค้าอีกเลย ถ้ามีโอกาศคงได้เจอและพูดคุยกับพวกเค้าบ้าง เวลาที่ผ่านมาเกือบๆ 20 ปีที่อยู่ในคุก ผมไม่รู้ว่าเป็ดเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ที่สิ่งที่ผ่านในชีวิตมาสำหรับผมตลอดเวลาเกือบๆ 20 ปีของการทำงานและใช้ชีวิตแบบคนทั่วๆ ไปนั้น ก็มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป หวังว่าเป็ดจะเป็นอีกคนที่ได้รับโอกาศในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี หลังจากต้องชดใช้กับสิ่งที่ตนทำไปในคุกตลอดเกือบๆ 20 ปี เช่นกัน

ปล. * บุคคลที่กล่าวถึงในบทความนี้ มีตัวตนจริง ถ้าพาดพิงใน่ส่วนไม่ดีต้องขออภัย บางคนไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วต้องขออนุญาติ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง *