Monday, December 31, 2012

หนังสือแนะนำเดือนนี้


ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เป็นหนังสือแต่งโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา มีเนื้อหาทั้งทางวิทยาศาสตร์และหลักการทางพุทธศาสนา จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์อมรินทร์
หนังสือได้รับการพิมพ์ซ้ำถึง 40 ครั้ง ยอดพิมพ์ไม่ต่ำกว่า 100,000 เล่ม ต่อมา ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ได้ท้วงติงเนื้อหาที่ผิดพลาดในเชิงวิทยาศาสตร์ เช่น จักรวาลวิทยา (cosmology) ในหน้า 31 ทฤษฎีสตริง (string theory) ในหน้า 39 ทฤษฎีเคออส (chaos theory) ในหน้า 128 และทฤษฎีสัมพัทธภาพ (relativity) ซึ่งปรากฏอยู่ทั่วไปในเล่มเมื่อกล่าวถึงแสงและเวลา เป็นต้น[1]

ที่มา ขอบคุณที่มาของข้อมูลอ้างอิง




เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกลับเล่มบน เพราะคนแต่งเป็นคนเดียวกันครับ ลองไปหามาอ่านน่ะ ช่วงหยุดยาวๆ ไม่แน่คุณอาจจะได้สติ หรือได้มุมมองใหม่ๆ ของชีวิต ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน หรือไม่เคยมีใครพูดเรื่องแบบนี้ที่คุณเองก็สงสัยมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาคนเก่ง คนดีจริงๆ มาช่วย้ติมเต็มหรือรับรองความคิดที่คุณเองก็เคยคิดมาตลอดว่า มันน่าจะเป็นแบบนี้ไหม?

        ที่มา  ขอบคุณที่มาของข้อมูลอ้างอิง





คำเตือน  หนังสือทั้งสองเล่มนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจ อ่อนไหว หรือไม่มั่นคง หรือขาดหลักยึดทางจิตใจหรือวิทยาศาสตร์ เพราะแม้แต่ผมเอง ยังไม่สามารถอ่านจบสมบูรณ์ได้ทั้งสองเล่ม เพราะคุณจะต้องมีสมาธิสูงมากในการอ่าน รวมถึงจินตนาการที่สูงสุดด้วย กรุณาอย่าอ่านอย่างต่อเนื่องเพื่อให้จบในครั้งเดียว เพราะคุณจะไม่ได้อะไรเลย เหมือนกับอ่านนิยายทางวิทยาศาสตร์ แต่ให้อ่านไป ค่อยๆ ทำความเข้าใจไป ที่ละเรื่องๆ น่ะครับ

*** เดือนนี้แนะนำพร้อมกันทั้งสองเล่ม ถือว่าเป็นการส่งท้ายปีเก่า 2555 ที่หัวเราะกันมาทั้งปี



Saturday, December 29, 2012

Virtual Life - I



Facebook ถูกสร้างมาด้วย จิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์จริงๆ เพราะฉะนั้น คุณสมบัติต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ รูปภาพ หรือการกำหนดสิทธิ์ ล้วนถูกสร้าง ขึ้นมาบนพื้นฐานของความต้องการและความเข้าใจของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา จึงไม่แปลกเลยว่า ทำไมมันจึงถูกเลือกให้เป็นบุคคลตัวอย่างเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ลงนิตยสารไทม์ (TIME Magazine) ในปี 2010



แน่นอนครับ สิ่งที่ผู้ใช้ทั่วไป ไม่ทราบก็คือ ในการใช้งาน Facebook นั้นจริงๆ แล้วมันก็คือ การสร้างตัวละครหรืออีกชีวิตหนึ่งขึ้นมาบนโลกเสมือนจริง (Virtual Life) ซึ่งมันจะถือกำเนิดหรือโลดแล่นไปบนโลกออนไลน์ เพื่อสร้างเครื่องข่ายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือที่เราเรียกอีกอย่างว่า (Social Network) ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เปรียบได้กัับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่างๆ ในชีวิตจริงๆ ของมนุษย์ที่มีชีวิตและใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้จริงๆ

ดังนั้นสิ่งที่คุณแสดงออกหรือเป็นใน Facebook อย่างไรนั้นก็จะสะท้อนหรือวัดออกมาได้เทียบเท่ากับชีวิตจริงๆ ของคุณ จึงมีบางบริษัทในโลกความเป็นจริง เลือกที่จะนำเอาข้อมูลส่วนตัวใน Facebook ของใครบางคนไปใช้อ้างอิงในการตัดสินใจบางอย่างเช่น ในการรับสมัครคนเข้ามาทำงาน !!!

เพราะว่า ถ้าใน Facebook คุณใช้งานแสดงออกอย่างไร เกือบ 80% ในชีวิตจริง มันก็สื่อกลายๆ ว่าคุณเองก็เป็นแบบนั้นในชีวิตจริง เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจตรงนี้อย่างลึกซึ้งในทางโลกบางคนจึงไม่กล้าเข้ามาใช้งาน Facebook เพราะว่า เกรงกลัวที่จะต้องแสดงอัตลักษณ์หรือตัวตนที่แท้จริงออกมา ทำให้เพื่อนๆ หรือคนที่รู้จักเรา แค่เฉพาะในหน้าที่การงาน อาจจะได้มารับรู้หรือสัมผัส นิสัยใจคอ หรือสันดาน เนื้อแท้ของความเป็นมนุษย์จริงๆ ใน Facebook

จึงเป็นที่มาว่า บางคนเข้ามาใช้งาน Facebook แล้วไม่ใช่ชื่อจริง นามสกุลจริง ไม่ใส่รูปภาพจริง เพราะกลัวว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน Facebook นั้นจะมากระทบถึงความสัมพันธ์ในชีวิตจริงๆ เหมือนกับที่เพื่อนของผมบางคนได้เตือนไว้ ถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกเสมือนนั้นมันก็ไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ !!!

Thursday, December 6, 2012

โปรดใช้วิจารณญาณในการใช้งาน Facebook!!!

เข้าใจว่า Facebook มันก็คงเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ใครๆ ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้น่ะ มันก็เหมือนเวลาที่เรานั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆ ทั้งเก่าและใหม่ แต่โอกาศที่คุณจะเจอเพื่อนใหม่ แนวความคิดใหม่ๆ ที่พบเจอได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนั้น ยังเป็นเครื่องชี้วัดโอกาศของหลายๆ คนที่จะมีโอกาศได้รู้และเห็นข้อมูลทั้งถูกและผิดไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งข้อมูลพวกนี้ บางครั้งมันก็มาเองทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ อย่างกรณีที่เราได้ไป
 Add Friends หรือไปกด LIKE บาง FanPage ที่เราเห็นว่า บางครั้งรูปภาพของเค้าก็ดี ข้อความแรกๆ หรือบางครั้งของข้อความก็ดี มันโดนใจ

แต่นานๆ เข้ามันก็เหมือนความคิดคนที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงไปเองได้ ตามข้อมูลหรือสิ่งที่เราต้องประสพพบเจอในชีวิตที่แตกต่างกัน

สิ่งที่ต้องการจะบอกก็คือ มันก็จะมีบางคนที่พยายามจะแสดงความคิดออกมา (เหมือนกับที่ผมกำลังทำอยู่) ซึ่งเราก็ไม่สามารถรู้ได้หรอกว่ามันถูกหรือผิด ยิ่งบางคนอายุน้อยๆ แต่มีความคิดเป็นของตัวเอง (กรูมั่นมว๊ากกก) แล้วกล้าแสดงความคิดเห็นออกมาในเรื่องบางเรื่องที่มีความอ่อนไหวกับควมรู้สึกของคนส่วนใหญ่หรือคนบางกลุ่มที่มีความคิดเห็นอาจจะไม่ตรงกันมากนัก บางครั้งก็อาจจะเ็ป็นฉนวนเหตุที่ทำให้เกิดความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก

ไม่ต่างจากคนวัยหนุ่มสาวที่กำลังเรียนรู้เพื่อหาประสพการณ์ชีวิต เพื่อนำมาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ในอนาคตนั้น ก็มักจะมีความคิดเห็นโต้แย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่..... จะบอกไงดีหว่า บังเอิญก็ไม่ได้แก่กว่าสักเท่าไหร่อ่ะน่ะ แต่แค่อยากจะบอกว่า

มันมีบางคนที่เค้าฉลาด จริงๆ ที่เลือกจะไม่พูดหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่องหรือทั้งหมดเลยก็ได้ เพราะเค้าเห็นว่า บางครั้งเราก็ต้องเคารพและให้เกียรติกับแนวคิดหรือความเห็นที่แตกต่าง หรือแม้กระทั้งไม่ต้องการให้เกิดปัญหาระหว่างเพื่อนๆ เวลาที่เราจับกลุ่มพูดคุยเรื่องราวต่าง (ชอบเม้าท์)กัน แต่เลือกที่จะพูดคุยกันแต่เรื่องดีๆ ที่มีความคิดเห็นตรงกันและเลือกที่จะเห็นด้วยกับเรื่องที่เห็นด้วยกับแนวความคิดของตัวเองเท่านั้น แต่ก็สามารถเลือกที่จะคบหรือไม่รับฟังแนวความคิดเห็นที่ผิดๆ ได้ด้วย