Monday, December 31, 2012

หนังสือแนะนำเดือนนี้


ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เป็นหนังสือแต่งโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา มีเนื้อหาทั้งทางวิทยาศาสตร์และหลักการทางพุทธศาสนา จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์อมรินทร์
หนังสือได้รับการพิมพ์ซ้ำถึง 40 ครั้ง ยอดพิมพ์ไม่ต่ำกว่า 100,000 เล่ม ต่อมา ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ได้ท้วงติงเนื้อหาที่ผิดพลาดในเชิงวิทยาศาสตร์ เช่น จักรวาลวิทยา (cosmology) ในหน้า 31 ทฤษฎีสตริง (string theory) ในหน้า 39 ทฤษฎีเคออส (chaos theory) ในหน้า 128 และทฤษฎีสัมพัทธภาพ (relativity) ซึ่งปรากฏอยู่ทั่วไปในเล่มเมื่อกล่าวถึงแสงและเวลา เป็นต้น[1]

ที่มา ขอบคุณที่มาของข้อมูลอ้างอิง




เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกลับเล่มบน เพราะคนแต่งเป็นคนเดียวกันครับ ลองไปหามาอ่านน่ะ ช่วงหยุดยาวๆ ไม่แน่คุณอาจจะได้สติ หรือได้มุมมองใหม่ๆ ของชีวิต ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน หรือไม่เคยมีใครพูดเรื่องแบบนี้ที่คุณเองก็สงสัยมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาคนเก่ง คนดีจริงๆ มาช่วย้ติมเต็มหรือรับรองความคิดที่คุณเองก็เคยคิดมาตลอดว่า มันน่าจะเป็นแบบนี้ไหม?

        ที่มา  ขอบคุณที่มาของข้อมูลอ้างอิง





คำเตือน  หนังสือทั้งสองเล่มนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจ อ่อนไหว หรือไม่มั่นคง หรือขาดหลักยึดทางจิตใจหรือวิทยาศาสตร์ เพราะแม้แต่ผมเอง ยังไม่สามารถอ่านจบสมบูรณ์ได้ทั้งสองเล่ม เพราะคุณจะต้องมีสมาธิสูงมากในการอ่าน รวมถึงจินตนาการที่สูงสุดด้วย กรุณาอย่าอ่านอย่างต่อเนื่องเพื่อให้จบในครั้งเดียว เพราะคุณจะไม่ได้อะไรเลย เหมือนกับอ่านนิยายทางวิทยาศาสตร์ แต่ให้อ่านไป ค่อยๆ ทำความเข้าใจไป ที่ละเรื่องๆ น่ะครับ

*** เดือนนี้แนะนำพร้อมกันทั้งสองเล่ม ถือว่าเป็นการส่งท้ายปีเก่า 2555 ที่หัวเราะกันมาทั้งปี



Saturday, December 29, 2012

Virtual Life - I



Facebook ถูกสร้างมาด้วย จิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์จริงๆ เพราะฉะนั้น คุณสมบัติต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ รูปภาพ หรือการกำหนดสิทธิ์ ล้วนถูกสร้าง ขึ้นมาบนพื้นฐานของความต้องการและความเข้าใจของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา จึงไม่แปลกเลยว่า ทำไมมันจึงถูกเลือกให้เป็นบุคคลตัวอย่างเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ลงนิตยสารไทม์ (TIME Magazine) ในปี 2010



แน่นอนครับ สิ่งที่ผู้ใช้ทั่วไป ไม่ทราบก็คือ ในการใช้งาน Facebook นั้นจริงๆ แล้วมันก็คือ การสร้างตัวละครหรืออีกชีวิตหนึ่งขึ้นมาบนโลกเสมือนจริง (Virtual Life) ซึ่งมันจะถือกำเนิดหรือโลดแล่นไปบนโลกออนไลน์ เพื่อสร้างเครื่องข่ายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือที่เราเรียกอีกอย่างว่า (Social Network) ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เปรียบได้กัับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่างๆ ในชีวิตจริงๆ ของมนุษย์ที่มีชีวิตและใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้จริงๆ

ดังนั้นสิ่งที่คุณแสดงออกหรือเป็นใน Facebook อย่างไรนั้นก็จะสะท้อนหรือวัดออกมาได้เทียบเท่ากับชีวิตจริงๆ ของคุณ จึงมีบางบริษัทในโลกความเป็นจริง เลือกที่จะนำเอาข้อมูลส่วนตัวใน Facebook ของใครบางคนไปใช้อ้างอิงในการตัดสินใจบางอย่างเช่น ในการรับสมัครคนเข้ามาทำงาน !!!

เพราะว่า ถ้าใน Facebook คุณใช้งานแสดงออกอย่างไร เกือบ 80% ในชีวิตจริง มันก็สื่อกลายๆ ว่าคุณเองก็เป็นแบบนั้นในชีวิตจริง เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจตรงนี้อย่างลึกซึ้งในทางโลกบางคนจึงไม่กล้าเข้ามาใช้งาน Facebook เพราะว่า เกรงกลัวที่จะต้องแสดงอัตลักษณ์หรือตัวตนที่แท้จริงออกมา ทำให้เพื่อนๆ หรือคนที่รู้จักเรา แค่เฉพาะในหน้าที่การงาน อาจจะได้มารับรู้หรือสัมผัส นิสัยใจคอ หรือสันดาน เนื้อแท้ของความเป็นมนุษย์จริงๆ ใน Facebook

จึงเป็นที่มาว่า บางคนเข้ามาใช้งาน Facebook แล้วไม่ใช่ชื่อจริง นามสกุลจริง ไม่ใส่รูปภาพจริง เพราะกลัวว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน Facebook นั้นจะมากระทบถึงความสัมพันธ์ในชีวิตจริงๆ เหมือนกับที่เพื่อนของผมบางคนได้เตือนไว้ ถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกเสมือนนั้นมันก็ไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้ !!!

Thursday, December 6, 2012

โปรดใช้วิจารณญาณในการใช้งาน Facebook!!!

เข้าใจว่า Facebook มันก็คงเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ใครๆ ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้น่ะ มันก็เหมือนเวลาที่เรานั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆ ทั้งเก่าและใหม่ แต่โอกาศที่คุณจะเจอเพื่อนใหม่ แนวความคิดใหม่ๆ ที่พบเจอได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนั้น ยังเป็นเครื่องชี้วัดโอกาศของหลายๆ คนที่จะมีโอกาศได้รู้และเห็นข้อมูลทั้งถูกและผิดไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งข้อมูลพวกนี้ บางครั้งมันก็มาเองทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ อย่างกรณีที่เราได้ไป
 Add Friends หรือไปกด LIKE บาง FanPage ที่เราเห็นว่า บางครั้งรูปภาพของเค้าก็ดี ข้อความแรกๆ หรือบางครั้งของข้อความก็ดี มันโดนใจ

แต่นานๆ เข้ามันก็เหมือนความคิดคนที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงไปเองได้ ตามข้อมูลหรือสิ่งที่เราต้องประสพพบเจอในชีวิตที่แตกต่างกัน

สิ่งที่ต้องการจะบอกก็คือ มันก็จะมีบางคนที่พยายามจะแสดงความคิดออกมา (เหมือนกับที่ผมกำลังทำอยู่) ซึ่งเราก็ไม่สามารถรู้ได้หรอกว่ามันถูกหรือผิด ยิ่งบางคนอายุน้อยๆ แต่มีความคิดเป็นของตัวเอง (กรูมั่นมว๊ากกก) แล้วกล้าแสดงความคิดเห็นออกมาในเรื่องบางเรื่องที่มีความอ่อนไหวกับควมรู้สึกของคนส่วนใหญ่หรือคนบางกลุ่มที่มีความคิดเห็นอาจจะไม่ตรงกันมากนัก บางครั้งก็อาจจะเ็ป็นฉนวนเหตุที่ทำให้เกิดความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก

ไม่ต่างจากคนวัยหนุ่มสาวที่กำลังเรียนรู้เพื่อหาประสพการณ์ชีวิต เพื่อนำมาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ในอนาคตนั้น ก็มักจะมีความคิดเห็นโต้แย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่..... จะบอกไงดีหว่า บังเอิญก็ไม่ได้แก่กว่าสักเท่าไหร่อ่ะน่ะ แต่แค่อยากจะบอกว่า

มันมีบางคนที่เค้าฉลาด จริงๆ ที่เลือกจะไม่พูดหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่องหรือทั้งหมดเลยก็ได้ เพราะเค้าเห็นว่า บางครั้งเราก็ต้องเคารพและให้เกียรติกับแนวคิดหรือความเห็นที่แตกต่าง หรือแม้กระทั้งไม่ต้องการให้เกิดปัญหาระหว่างเพื่อนๆ เวลาที่เราจับกลุ่มพูดคุยเรื่องราวต่าง (ชอบเม้าท์)กัน แต่เลือกที่จะพูดคุยกันแต่เรื่องดีๆ ที่มีความคิดเห็นตรงกันและเลือกที่จะเห็นด้วยกับเรื่องที่เห็นด้วยกับแนวความคิดของตัวเองเท่านั้น แต่ก็สามารถเลือกที่จะคบหรือไม่รับฟังแนวความคิดเห็นที่ผิดๆ ได้ด้วย

Sunday, November 18, 2012

ปั่นจักรยานได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด!!!

       หลายๆ คนอาจจะกำลังหากิจกรรมหรือกีฬาอะไรซักอย่างเพื่อผ่อนคลายหรือดูแลสุขภาพ การปั่นจักรยานก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่ไม่ใช่เฉพาะคุณผู้ชายเท่านั้น่ะ ผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ ก็เห็นปั่นกันเยอะไป เพียงแต่พวกคุณอาจจะไม่ค่อยเห็นได้ออกสื่อ ที่สำคัญเครื่องแต่งกายของพวกเธอก็สวยอย่าบอกใคร!!!
       จะปั่นในยิมหรือ outdoor ก็ได้ทั้งน้านขอให้คุณได้ลองมาปั่นดู คุณจะรู้ว่าความสุขอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง ยิ่งถ้าคุณได้ออกไปปั่นกับถนนหรือสถานที่สวยๆ งามๆ คุณจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปเพื่อชื่นชมความงานของโลกใบนี้ สิ่งที่คุณจะได้จากการปั่นจักรยาน ลองดูน่ะ

  • สุขภาพที่ดีขึ้น หน้าท้องที่ลดลง กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงขึ้น เรียวขาที่สวยขึ้น
  • สมาธิ งงอ่ะดิ๊ แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าการปั่นจักรยานจิงๆ แล้วคือการฝึกสมาธิขั้นสูง เมื่อคุณต้องปั่นไปบนถนนใน กทม!!!
  • สังคมดีๆ ของคนที่ปั่นจักรยานด้วยกัน คนพวกนี้จะเป็นคนที่มีจิตใจดี สงบ ร่มเย็น เพราะเค้าสามารถเข้าสมาธิจาการปั่นจักรยาน!!!
  • ลดโลกร้อน
ลองดูน่ะเงินค่าสมาชิก Fitness ปีละหลายๆ หมื่นหน่ะ เอาไปลงทุนซื้อจักรยานดีๆ ซักคันไว้เป็นเพื่อนที่บ้าน เวลาเหงาๆ คุณจะรู้ว่าเค้าเป็นเพื่อนที่เยี่ยมที่สุด ในวันที่คุณเองก็ไม่มีใคร

       ขอให้โชคดีครับ :)

Monday, November 12, 2012

ได้อย่าง....เสียอย่าง T T

      เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมได้มีโอกาศรู้จักผู้หญิงสองคนด้วยความบังเอิญ ในขณะนั้นผมเองมีปัญหาหลายๆอย่างในชีวิตได้ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน เนื่องจากประสพการณ์ในการใช้ชีวิตยังน้อยทำให้ไม่สามารถที่จะรับมือกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้ ผมเจอเธอที่เซ็นทรัลลาดพร้าวชั้นใต้ดิน
       เธอทั้งสองคนเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว เปิดร้านขายรองเท้าหนังของผู้ชาย ส่งออกต่างประเทศด้วย ผมได้มีโอกาศเป็นลูกค้าของร้านเธอ เพราะรองเท้าร้านเธอไม่เหมือนใคร มีคุณภาพดีและราคาไม่แพง ที่สำคัญเธอใจดีมาก เราได้มีโอกาศได้คุยกัน รวมถึงได้มีโอกาศได้ให้คำปรึกษากับผม เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงนั้น ผมรู้สึกและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นใจที่ได้รับจากผู้หญิงทั้งสองคนนั้น เธอไม่ได้เรียกร้องหรือกล่าวหา หรือต่อว่าผมกับสิ่งที่ผมได้ทำหรือตัดสินใจทำอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนหนึ่งในชีวิตผม (สองคนดิ๊) เธอกลับพยายามตั้งใจฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจและให้คำปรึกษาว่า ลองพยายามทำแบบนี้ดูไหม ซึ่งผมก็พยายามให้เหตุผลและข้อมูลจริง ซึ่งเธอนั้นมีประสพการณ์ในชีวิตมาไม่ต่างกันมาก เธอจึงมีความเข้าใจและเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม  ในขณะเดียวกันเวลานั้นก็ได้มีผู้หญิงอีกคนที่ได้เข้ามาในชีวิตผม (เรียกเธอว่า Dream Girl แล้วกัน) มีคนแนะนำให้ผมได้รู้จักแค่เพียงรูปภาพเท่านั้น คุณอาจจะไม่เชื่อแค่เพียงแว๊บแรกเท่านั้นที่ผมได้เห็นรูปเธอ ใจผมเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกได้เพียงนี้แม้แค่เพียงรูปถ่ายของเธอ ผมก็รู้ได้แล้วว่าเธอคนนี้คือ ตัวจริง เสียงจริงที่ผม......   ผมพยายามหาข้อมูลจนรู้ได้ว่าเธอเคยทำงานที่เดียวกับผม แต่เราไม่เคยเจอกันเลยหรืออาจจะเคอยเจอกัน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ผมได้มีโอกาศได้รู้จักแม่ของเธอด้วย (จะเล่าให้ฟังวันหลังน่ะ)
     กลับมาที่ผู้หญิงสองคนนั้น ผมก็ยังมีโอกาศได้แวะเวียนไปหาและเป็นลูกค้าของเธออยู่เนื่องๆ เพราะรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เจอ บางครั้งผมก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ ช่วยขายรองเท้าบ้าง จนเวลาผ่านไป ผมเองก็มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบจนทำให้เราห่างกันออกไป จนวันนึ่งผมได้มีโอกาศกลับไปหาเธอที่ร้านอีกครั้งปรากฏว่า ร้านเธอหายไป ร้านเธอย้ายไปแล้ว!!! ผมไม่มีเบอร์โทรเลย แล้วผมจะหาเธอได้อย่างไร จนผมได้ข้อมูลว่าเธอย้ายร้านไปอยู่ JJ Mall ผมตัดสินใจไปตามหาเธอที่นั้นแระแล้วผมก็ได้พบกับเธออีกครั้ง!!! เธอยังสดใส น่ารักเหมือนเดิม ยังยิ้มและดีใจที่ได้เห็นผมกลับมามีชีวิตที่ดีและสดใสอีกครั้ง เรายังได้ไถ่ถามารทุกข์สุขดิบตามประสาคนที่เคยสนิทกัน  ผมซื้อของกินอร่อยๆ ไปฝากเธอ ร้านเธอยังขายดีเหมือนเดิม มีลูกค้าแน่นเหมือนเดิม เรายังมีโอกาศได้เล่าและอัพเดทเรื่องของ Dream Girl ผมบอกเธอว่า เธอได้แต่งงานไปแล้วกับผู้ชายผู้โชคดีคนหนึ่ง เพราะว่าผมเองก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้ในขณะนั้นและช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเองก็มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ เพราะเธอคนนั้นที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะให้ตัวเองมีค่าเพียงพอให้เธอและแม่ของเธอต้องภูมิใจ ถ้าผมเองจะเสนอตัวเพื่อขอเป็นลูก.....
         และแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาก็มีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิตผมอีกครั้ง มีผู้หญิงอีกคนได้เดินเข้ามาในชีวิตผมอีกคน อันนี้เรียกเธอว่า (เจ้ากรรมนายเวรตัวจริง!!!) ผมไม่มีโอกาศได้กลับไปหาผู้หญิงสองคนนี้เลย จนเมื่อวาน......
         ผมเดินทางไปด้วยความตั้งใจที่จะต้องพบเธอเพื่อให้เธอได้เห็นว่า วันนี้ผมแกร่งขึ้น เข้มแข็งกว่าเมื่อก่อนนี้มากมายหลายเท่านัก ไม่มีใครทำให้ผมต้องสั่นสะเทือนได้อีกแล้ว ผมตั้งใจจะกลับไปหาเธอเพื่อตอบแทนกับสิ่งที่เธอเคยช่วยเหลือผมทั้งทางร่างกายและจิตใจ....
       ร้านยังอยู่ที่เดิม แต่....คนขายเปลี่ยนไปเป็นเด็กสาวหน้าตาดี ผมถามเธอว่า ใช่ร้านคุณยายกับพี่จอยหรือปล่าว ร้านเดิมชื่อร้าน Forence  เธอบอกว่าใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเจ้าของและชื่อร้านไปแล้ว ผมถามต่อว่าแล้วทั้งสองคนเป็นไงบ้าง...

         เธอตอบกลับมาว่า..... คุณยายเสียแล้ว!!!! จากอุบัติทางรถยนต์ เธอถูกรถยนต์ชนบริเวณป้ายรถเมล์ เมื่อประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้  แล้วลูกสาวเธอพี่จอยหล่ะ   เธอบอกว่าพึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เธอถูกรถยนต์ชนเหมือนกันเมื่อ 4-5 เดือนที่แล้วเอง!!!!!!!!!!!!!!

Wednesday, November 7, 2012

หนังสือแนะนำเดือนนี้




รวมบทความวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ให้ความรู้ข้อคิดที่จะมีผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในวันข้างหน้า รวบรวมและเรียบเรียง: รอฮีม ปรามาท ผู้เขียนหนังสือ เมื่อโลกแบน "The World is Flat: A Brief History of the Twenty-First Century"


Tuesday, November 6, 2012

ลูกผู้ชายตัวจริง - III

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ลูกผู้ชายตัวจริง - II หลังจากเรียนจบ ผมเองก็เข้ามาหางานทำใน กรุงเทพฯ ก็คงเหมือนกับหลายๆคนที่มาจากต่างจังหวัด โดยหวังว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่าการทำงานอยู่กับบ้านที่ต่างจังหวัด ผมเริ่มเข้ามาทำงานประมาณปี 2539 สมัยนั้นในระแวกชุมชนที่ผมอยู่นั้น การที่ได้ไปทำงานกรุงเทพฯ หรือได้เข้ามาเรียนนั้นดูจะทำให้เป็นคนทันสมัยและน่าอิจฉายิ่งนัก ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เพราะทำงานหาเงินเองได้ เวลากลับไปบ้านต่างจังหวัด ทุกคนก็จะมาเที่ยวหา ถามไถสารทุกข์สุขดิบ ตามประสาคนต่างจังหวัดที่อยากรู้ว่า กรุงเทพฯ มันเป็นไง สนุกไหม ผู้คนเป็นไงกันบ้าง ผมเองก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะเหนื่อยจากการงาน ส่วนใหญ่กลับไปก็นอน แล้วก็ต้องเตรียมตัวเดินทางกลับมา กทม ในเช้ามืดวันจันทร์เพื่อให้ทันกับการทำงานที่ กทม.
          เป็ดนั้นก็เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่โตมาพร้อมๆ กัน เค้าเป็นรุ่นน้องประมาณ 3 ปี ที่บ้านขายของชำ มีพี่สาวสองคน สิ่งที่ผมจำได้เกี่ยวกับเป็ดคือ เค้าจะมาคุยเล่นกับผมบ้าง น่าจะสนิทสุด เพราะหน้าบ้านเยื้องๆ กันอยู่ กรปรกับแม่ผมได้เซ็งร้านขายของชำต่อจากแม่เค้ามาขายของชำ ตั้งแต่สมัยผมอยู่ประถม  ก็เลยทำให้บ้านผมเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ พูดคุยของบรรดาผู้คนในชุมชน หลังจากที่รุ่นผมเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงานหรือเรียนต่อนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ชุมชนที่ผมเคยอยู่กลับเงียบสงัดลงไปถนัดตา หลังจากที่ผมได้มีโอกาศกลับไปเที่ยวหลังจากทำงานมาได้ซัก 1-2 ปี เพราะว่า คนรุ่นใหม่ก็ละทิ้งบ้านไปใช้ชีวิตตามที่แต่ละคนอยากทำ บางคนก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยียนที่ชุมชนนั้นอีกเลย
        เป็ดนั้นถ้าผมจำไม่ผิด ในช่วงที่ผมเรียนอยู่ระดับ ปวช. ขณะนั้นยาม้า (ยาบ้า) เริ่มเข้ามาในชุมชนและเริ่มมีการซื้อขาย บางคนก็เสพด้วย ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยชัดนัก แต่รู้ตัวอีกที เป็ดก็เข้าไปอยู่ในคุกแล้ว ด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับยาม้า และผมเองก็ไม่มีโอกาศได้เจอ หรือพูดคุยกับเป็ดอีกเลย รู้ข่าวอีกที่ล่าสุด เมื่อเร็วๆนี้ เป็ดพึ่งจะออกจากคุก ส่วนพ่อแม่และพี่สาวคนรองได้เสียชีวิตไปแล้ว เหลือพี่สาวคนโต พ่อผมบอกว่า เป็ดออกจากคุกมาทำงานกับตี๋
       ผมเองก็ยังไม่มีโอกาศได้กลับไปและเจอพวกเค้าอีกเลย ถ้ามีโอกาศคงได้เจอและพูดคุยกับพวกเค้าบ้าง เวลาที่ผ่านมาเกือบๆ 20 ปีที่อยู่ในคุก ผมไม่รู้ว่าเป็ดเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ที่สิ่งที่ผ่านในชีวิตมาสำหรับผมตลอดเวลาเกือบๆ 20 ปีของการทำงานและใช้ชีวิตแบบคนทั่วๆ ไปนั้น ก็มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป หวังว่าเป็ดจะเป็นอีกคนที่ได้รับโอกาศในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี หลังจากต้องชดใช้กับสิ่งที่ตนทำไปในคุกตลอดเกือบๆ 20 ปี เช่นกัน

ปล. * บุคคลที่กล่าวถึงในบทความนี้ มีตัวตนจริง ถ้าพาดพิงใน่ส่วนไม่ดีต้องขออภัย บางคนไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วต้องขออนุญาติ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง *

Tuesday, October 16, 2012

หนังสือแนะนำเดือนนี้

ติดปีกให้ธุรกิจ พิชิตต้นทุน ด้วยเครื่องมือไอทีสุดล้ำ!! พลิกโฉมการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย ให้กับธุรกิจด้วยชุดเครื่องมือบนอินเทอร์เน็ตสุดล้ำที่้ใช้ง่าย อธิบายตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมตัวอย่างจริง สร้างความเป็นต่อให้กับองค์กรของคุณ ราคา 169 บาท น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจที่จะเพิ่มทักษะในการใช้งาน Google Apps จากสำนักพิมพ์  Dream & Passion



Wednesday, October 10, 2012

ลูกผู้ชายตัวจริง - II

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ลูกผู้ชายตัวจริง - I หลังจากเรียนจบ ม.3 ผมเองก็เลือกศึกษาด้านวิชาชีพ เพราะเรียนไม่ค่อยเก่งด้านคำนวณ และก็คิดว่าอย่างน้อยจบมาก็มีอาชีพติดตัว ขณะศึกษาอยู่ความเป็นผู้ชายมันก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น หลังจากคิดอยู่นาน : ) ได้รู้จักสังคมที่กว้างกว่าที่เคยรู้จักมา ในชุมชนเดียวกับที่เราอาศัยอยู่ ทำให้ได้เห็นความแตกต่างของความคิด การใช้ชีวิตของเพื่อนๆ กลุ่มใหม่ๆ ที่ต้องเดินทางจากบ้านต่างอำเภอรอบนอก เพื่อเข้ามาศึกษาวีชาชีพในตัวอำเภอเมือง เวลาก็ผ่านไป เพื่อนๆและน้องๆ ในชุมชนที่เราอาศัยอยู่ก็เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ เพราะว่าเราเริ่มมีสังคมที่แตกต่างกันขึ้นเรื่อยๆ
             แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผมกลับมาจากเรียนภาคค่ำ เห็นรถตำรวจและคนในชุมชน กำลังเข้าไปในซอยบ้านของเปี๊ยก ขณะนั้นเปี๊ยกน่าจะกำลังศึกษาอยู่ระหว่าง ม.ต้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เปี๊ยกใช้มีดปักไว้ที่ประตูห้องน้ำ แล้วกระโดดเข้าไปให้มีดปักที่คอ เสียชีวิตจมกองเลือดในบ้าน!!! ทุกคนช็อคไม่เชื่อว่า เกิดอะไรขึ้นกับเปี๊ยก ผมเองก็ถึงขั้นเข่าอ่อน เมื่อเห็นกองเลือดเยอะขนาดนั้น จนไม่กล้าเข้าไปดูศพ ใจหายวูบและคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปี๊ยก ผมอาจจะไม่ค่อยสนิทแต่ก็พอจะมองเห็นว่าเปี๊ยกนั้นก็เป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง เล่นกีฬาก็ดี แต่....
        สิ่งหนึ่งที่เปี๊ยกต่างจากคนอื่นคือ เค้าดมกาวอยู่ช่วงหนึ่งเท่าที่ผมจำได้ เค้ามีอาการหลอน บางครั้งก็เดินยิ้มอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะรู้ว่า เปี๊ยกเป็นคนอารมณ์ร้อน จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม บ้านเปี๊ยกนั้นอยู่ใกล้บ้านอุเทนและแจ็ค ผมมีโอกาศได้คุยกับพ่อของเปี๊ยกหลังจากทำงานแล้วบ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ จากที่สังเกตุจะเห็นได้ว่า พ่อเปี๊ยกนั้นเป็นคนค่อนข้างมีความคิดรุนแรง เจ้าระเบียบ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ก็ไม่ใช่คนขี้เหล้าเมายา เปี๊ยกนั้นเป็นลูกชายคนเดียว เค้ามีพี่สาวอีกสองคน อีกสิ่งหนึ่งที่จำได้ว่า สมัยนั้นกีฬาฟุตบอล เด็กผู้ชายทุกๆคนก็คงจะชอบที่จะได้แตะเล่นร่วมกับเพื่อนๆ บางครั้งก็มีการเตะเข้าประตูเพื่อการพนันด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งกลุ่มเด็กๆ วัยรุ่นได้มีการแตะฟุตบอลระหว่างชุมชน เปี๊ยกนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม เพราะว่าเป็นคนที่มีทักษะและฝีเท้าที่ดีมากคนนึง แต่สิ่งที่ผมจำได้ในการแข่งขั้นครั้งนั้น ด้วยความเลือดร้อนของเด็กผู้ชายวัยรุ่น เวลารวมตัวกันมันก็จะมีอารมร์ร่วมกันในการทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง เช่นการเตะฟุตบอลแข่งกับทีมคู่แข่ง ซึ่งรางวัลของการแข่งขันในสมัยนั้นก็คือ เงินจากการรวบรวมกันเองหรือมีผู้ใหญ่บางคนมานั่งเชียร์แล้วก็เอาผลการแข่งขันมาใช้เล่นการพนัน เมื่อมีการแข่งขันและผลตอบแทนเห็นเป็นตัวเงิน ซึ่งสมัยนั้นเงิน 2-3 พันบาทสูงมากๆ จึงทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมบ้าง เพราะไม่มีกรรมการเป็นเรื่องเป็นราว ที่จะเข้ามาตัดสินหรือควบคุมการแข่งขันให้ถูกต้องตามกติกาให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นการปะทะกันของเด็กวัยรุ่นจึงเกิดขึ้นและก็ทำให้เกิดการตัดสินให้มีการยิงจุดโทษ จะเห็นได้ว่า เรื่องเหล่านี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทของเด็กผู้ชายเมื่อรวมตัวกันกลุ่มใหญ่ๆ เหมือนที่เค้าเรียกกันว่า "นักเรียนนักเลง" ผมเห็นเปี๊ยกวิ่งไปที่ประตูแล้วก้มไปหยิบของบางอย่างขึ้นมา มันคือมีดปลายแหลมสั้น แล้วชักออกมา พยายามจะเข้ามาทำร้ายคู่แข่ง ที่กำลังจะทำประตู โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งไม่มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะผู้ใหญ้ได้เข้ามาห้ามและยุติการแข่งขัน ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นยังจำได้ ว่าใจมันเต้นแรงมากตอนที่กำลังจะเกิดเรื่องเพราะว่า เด็กผู้ชายในช่วงอายุประมาณ 13-15 ปีกำลังจะก้าวไปเป็นเด็กหนุ่มนั้น มันก็จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ถ้าใครสามารถเลือกเดินทางที่ถูกต้องในช่วงเวลาดังกล่าว มันก็จะเหมือนทางเลือกของทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ ผมเองไม่อยากมีตราบาปหรือได้ชื่อว่า เป็นนักเรียนนักเลง หรือชกต่อยมีเรื่องกับเด็กวัยรุ่นด้วยกัน เพราะว่าถ้าคุณมีครั้งแรกแล้วคุณรู้สึกว่าคุณก็เจ๋ง คุณจะไม่กลัวใครอีกเลยที่ดาหน้าเข้ามาหาคุณ เพราะฉะนั้นอุทาหรณ์ของเปี๊ยกน่าจะเป็นสิ่งที่คนในครอบครัว น่าจะให้ความรักความอบอุ่น จากพ่อถึงลูกชาย รวมถึงความเข้าอกเข้าใจในปัญหาของเด็ก รวมถึงสังคมรอบๆตัวเค้าด้วย ไม่มีใครรู้หรอกว่าบางครั้งการกอดของพ่อหรือแม่ให้กับลูกนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ความอบอุ่นในจิตใจนั้นสำคัญมากสำหรับเด็กๆ หรือแม้กระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม

ปล. * บุคคลที่กล่าวถึงในบทความนี้ มีตัวตนจริง ถ้าพาดพิงใน่ส่วนไม่ดีต้องขออภัย บางคนไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วต้องขออนุญาติ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง *

Monday, October 8, 2012

ลูกผู้ชายตัวจริง - I

          หลายๆ คนคงจะนึกถึงผู้ชายแมนๆ กล้ามโตๆ หรืออาจจะเป็นภาพของนักเรียนนักเลงก็ได้ ผมจะเล่าให้ฟังว่าลูกผู้ชายตัวจริงของผม  ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้นเป็นแบบไหน ชีวิตของเด็กต่างจังหวัด  มันก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่า  การวิ่งเล่นตามท้องทุ่งนา หรือเตะฟุตบอลพลาสติก เล่นกันตามชุมชนต่างๆ ของแต่ละพื้นที่ เด็กผู้ชายเวลารวมตัวกัน มันก็มักจะเล่นอะไรแผลงๆ ไปตามเรื่อง อุเทนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเป็นพี่น้องกับแจ็ค เป็ดเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเปี๊ยก แจ็ค และตี๋ พวกเราก็เป็นเด็กผู้ชายเหมือนทั่วๆไป ชกต่อยกันบ้างเป็นเรื่องปรกติ บางคนก็ร้องไห้เพราะมันเจ็บอย่างผม บางคนก็ไม่เคยร้องซักกะแอะ ทะเลาะได้กับทุกคน ทุกรุ่นไม่เคยกลัวใคร พวกเราก็โตมาอยู่ในชุมชนเดียวกัน พอเริ่มโตขึ้นบางคนก็เลิกเรียนต่อ บางคนก็ได้มีโอกาศเรียนต่อ ในช่วงอายุ 11-12 ปีก็น่าจะเป็นช่วงรอยต่อของชีวิตเด็กผู้ชายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปสู่วัยรุ่น เสียงก็เริ่มแตก นมก็เริ่มโต อะไรๆ มันก็เริ่มโตขึ้น
ผมมีโอกาศได้เรียนต่อชั้นมัธยม 1-3 ระหว่างที่เรียนนั้น เพื่อนๆ น้องๆ คนอื่นๆ ก็ได้เรียนบ้าง ไม่เรียนบ้าง มาดูชีวิตแต่ละคน

  • อุเทน เป็นพี่แจ็ค จริงๆ มีพี่ชายอีกคนแต่เรายังไม่พูดถึง เป็นสามพี่น้องชายที่แก่นเฟี๊ยว ซ่า ชกต่อยไม่เคยเลือก ไม่เคยกลัวใคร ในชุมชน
  • อุเทนไม่ได้เรียนต่อ จบแค่ ป. 6 หลังจากนั้นเตร็ดเตร่ไปเรื่อง พ่อแม่ก็ทำงานหนักคงไม่มีเวลาได้อบรมสั่งสอน หรือตักเตือน กลับมองว่าเด็กผู้ชาย ชกต่อยกันมันก้เป็นเรื่องที่ดี มันจะได้ไม่เป็นคนขี้กลัวเหมือนผม :(
  • เป็ดก็เรียนอยู่ชั้นประถม ไม่ได้แก่นเฟี๊ยว แต่เป็นลูกชายคนเดียวในพี่น้องสามคน บ้านค้าขายของชำ เงินก็หยิบใช้ง่าย
  • แจ็คน้องชายอุเทนก็เหมือนพี่ชาย แต่เพราะว่าพี่ชายทั้งสองคนเล่นบทโหดอยู่แล้ว เลยไม่อยากแสดงบทซ้ำ ก็เลยยังพอคุยกันได้บ้าง
  • เปี๊ยก บ้านอยู่ในซอย ฉลาด ตัวเล็ก เตะบอลเก่ง ลูกชายคนเดียว มีพี่สาวสองคน ไม่กลัวใครเหมือนกัน
  • ตี๋ เมื่อก่อนหนังเรื่องตี๋ใหญ่ดังมาก เค้าบอกว่า "ไอ้ตี๋.....อย่าทำให้ใครเดือดร้อน" มีพี่ชายอีกคนเพื่อนรุ่นเดียวกับผม
        ทุกๆ อย่างก็เดินทางของมันไปตามกาลเวลา เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทุกคนก็เริ่มเป็นหนุ่มน้อย กร้านโลกขึ้นเรื่อยๆ ตามประสพการณ์ชีวิต ที่ผ่านเข้ามา สมัยนั้น ยาบ้ายังไม่มีหรอก อย่างมากก็ ดมกาว ดมแล็กซ์ ถือถุงพลาสติกเดินไปเดินมา อยู่ตามซอกตึกบ้าง แต่ผมไม่ยุ่งและไม่อยากลอง เพราะเห็นสภาพแต่ละคน มันก็เหมือนคนเมากัญชา พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง อารมณ์เกรี้ยวกราด ไม่ค่อยมีใครอยากยุ่ง พ่อแม่ก็ทำงานกันไม่มีเวลามาดูแลลูก



ปล. * บุคคลที่กล่าวถึงในบทความนี้ มีตัวตนจริง ถ้าพาดพิงใน่ส่วนไม่ดีต้องขออภัย บางคนไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วต้องขออนุญาติ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง *

Sunday, October 7, 2012

โรคซึมเศร้า ภัยร้ายใกล้ๆ ตัวคุณ - I

หลายๆ คนคงจะได้เคยได้ยินหรือรู้จักโรคนี้กันมาบ้าง ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า จริงๆ แล้วโรคนี้ก็คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับสภาวะทางจิตใจ สภาวะความคิด ความรู้สึกที่มันหดหู่ ตกต่ำ คิดวนเวียนแต่เรื่องเดิม มีความวิตก เครียด หาทางออกไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต บางครั้งมันก็จะส่งผลต่อเนื่องไปยังสภาวะทางร่างกายต่อมา เช่น ปวดหัว ปวดเมื้อย ปวดหลัง ความดัน รวมถึงมะเร็ง เหมือนที่มีคนเคยบอกว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
หลายๆ คนยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ ผมจะบอกว่า มันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนในโลกนี้ รวมถึงพวกคุณที่กำลังอ่านอยู่นี่ด้วย ผู้ป่วยโรคนี้จริงๆ แล้วยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปรกติ สามารถเดินทางไปทำงาน หรือเที่ยวสนุกได้ตามปรกติ แต่เมื่อวันเวลาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม อาการต่างๆ จะค่อยๆ ก่อตัวและสะสมที่ละเล็กละน้อย จนทำให้แม้แต่ตัวเราเองนั้น ก็ไม่ทันได้ระมัดระวัง จนถึงจุดอิ่มตัวแล้วคุณอาจจะไม่เชื่อว่า แค่จุดกำเนิดหรือต้นตอของปัญหาเพียงเท่านั้นจะสามารถฉุดคราชีวิตของคนๆ หนึ่งซึ่งอาจจะเป็นคนที่เรารู้จัก คนที่เรารักหรือคนใกล้ตัว ที่ไม่มีใครเชื่อได้ว่า วันหนึ่งเค้าจะสามารถเป็นไปได้ถึงเพียงนี้หรือ อีกข้อที่สำคัญ โรคนี้เป็นโรคที่สามารถสืบทอดผ่านกรรมพันธ์ได้ด้วย นั้นหมายความว่า ถ้าในครอบครัวคุณหรือญาติ เคยมีผู้ป่วยโรคนี้ คุณก็อาจจะเข้าข่ายความเสี่ยงจากโรคนี้ได้

ปล. ข่าวดีโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาด ได้ด้วยการพบจิตแพทย์และทานยา หรือไม่ต้องใช้ยาเลย หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จากคนที่รู้และเข้าใจ

Saturday, October 6, 2012

กว่าจะรู้ค่าของสิ่งที่มีอยู่ก็สูญเสียมันไปแล้ว

ในชีวิตคนเรามีหลายๆสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ความคิดความรู้สึกก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งดีและร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็แตกต่างกันไป เค้าถึงเรียกว่า ประสพการณ์ชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แม้เรื่องราวจะคล้ายกันก็ตาม จะมีรายละเอียดทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ทำให้เราโต้ตอบตอบกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิต ไม่เหมือนหรือแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

บางครั้งเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นอาจจะใช้เวลาเพียงน้อยนิด แต่ความรู้สึกดีนั้นมันอยู่นานยิ่งกว่า แต่พอมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกดีๆที่ผ่านมานั้นมันจะหายหรือลดลงไปอย่างน่าใจหาย ซึ่งมันก็เกิดจากความรู้สึกนึกคิดของเรานั่นเอง คงไม่มีใครที่สามารถเลือกที่จะมีแต่เรื่องดีๆ คนดีๆ เข้ามาในชีวิตของเราได้ทั้งหมดหรอก บางครั้งมันก็จะต้องมีเรื่องไม่ดี เหตุการณ์ คนที่เรารู้จัก ทำงานด้วยที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีได้ จากทั้งหมดก็จะเห็นว่า มันอยู่ที่เราเข้าใจกับเรื่องราวต่างๆ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมากแค่ไหน

เหมือนกับเวลาที่เรามองลงไปบนกระดาษสีขาวซักแผ่น หลายๆ คนก็มักจะชอบมองหาแต่จุดดำ หรืออะไรก็แล้วแต่เล็กๆ บนกระดาษนั้น นั่นก็ทำให้เราเห็นได้ว่า เรานั้นมักจะคอยมองหาแต่ข้อเสียหรือข้อไม่ดี จากสิ่งที่เรามองเห็น ทั้งๆที่ กระดาษสีขาวนั้นมีพื้นที่ใหญ่กว่ามาก แต่ไม่มีอะไรให้เรา สนใจ หรือหาเรื่องพูดถึงได้ นั้นจึงเป็นที่มาของเรา ที่เราก็มักจะหยิบเอาเรื่องหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นจุดดำเล็กๆ ของชีวิต ขึ้นมาเพื่อทำร้ายชีวิตเราเอง หรือจมอยู่กับแต่ความคิดลบๆ โกรธ โมโห เกลียด คนที่เข้ามาแล้วทำให้เราขุ่นข้องหมองใจ ทั้งการการกระทำและคำพูด

บางครั้งคนดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรานั้น อาจจะมีเวลาได้คุยกับเค้าเพียงเสี้ยวนาทีของชีวิตที่ผ่านมา แต่มันทำให้เกิดความรู้สึกอิบเอิบใจไปนานแสนนาน จะมีซักกี่คนที่เห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้เพื่อเก็บเป็นกำลังให้เราได้คิดถึงในวันเวลาที่ผ่านไป เมื่อเราต้องไปเจอ หรือต้องข้องเกี่ยวกับคนร้ายๆ เราจะได้มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ เพื่อให้ได้เจอคนดีๆ คนนั้นแบบนั้นอีกซักครั้งในชีวิต

"เปลี่ยนความคิด..ชีวิตเปลี่ยน" ทำยากน่ะ ถ้าจิตใจคุณไม่ดีพอก็อย่าไปอ่านมากนักหนังสือพวกนี้ เพราะมันสามารถที่จะกลับย้อนเข้ามาทำร้ายความรู้สึกของคุณได้ ถ้าคุณไปเจอ เนื้อหาหรือเรื่องบางเรื่องที่คุณผ่านมาเอง ต่อให้ทำอย่างไรคุณก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดไปแล้ว คุณจะไม่กลับไปอ่านมันอีกเลยเชื่อผม เพราะคุณจะรู้สึกว่า คุณเป็นคนที่ดีไม่พอที่จะเปลี่ยนชีวิต

เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังมองโลกเป็นสีเทา โลกจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่คนมอง แต่....คนมองนั้นผ่านเรื่องราวอะไรในชีวิตมาบ้างก็อาจจะทำให้โลกของเค้านั้นแต่ต่างกันไป.

Wednesday, October 3, 2012

วิธีลดความอ้วนให้ได้ผล

หลายๆ คน คงจะมีวิธีหลากหลายวิธี อดอาหารบ้าง ออกกำลังกายบ้าง ทานยาบ้าง อย่างนั้นลองมาทำความเข้าใจว่า แล้วเราอ้วนได้อย่างไร


  • กรรมพันธ์   อันนี้แก้ยากหน่อยเพราะไม่รู้จะแก้ยังไง
  • ความเครียด   อันนี้คุณอาจจะไม่เชื่อ ลองมาดูเหตุผลกัน ความเครียดที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องทำงานแล้วเครียด บางทีก็อาจจะเกิดจากเรื่องราวที่เกิดในชีวิตคนเราที่เข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก อกหักรักคุด อันนี้ไม่เชื่อต้องลองพิสูจน์ดู :)  คราวนี้มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
    • เวลาสมองเกิดความเครียดมันจะหลังสารอะไรบางอย่างไม่รู้ รู้แต่ว่ามันทำให้ไปกดระบบการทำงานบางอย่างทำให้ระบบโดยรวมมีการเปลี่ยนแปลงแล้วทำงานไม่ปรกติ
    • ธรรมชาติของมนุษย์นั้นชอบความสุขและหาความสุขใส่ตัว ความสุขของมนุษย์ก็มีหลากหลาย เช่น การกิน การนอน การขับถ่าย การดูหนังฟังเพลง ออกไปเที่ยว ช๊อปปิ้ง อื่นๆอีก แต่ดูแล้วเหมือนมนุษย์จะมีความต้องการความสุขทางกายมากกว่าทางใจ
    • เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า เวลาที่เราเครียดหรือมีความกังวล เราจะพยายามหาทางออก หรือหาความสุขให้ได้เร็วที่สุด เหมือนที่สาวๆ จะบอกว่าช้อปปิ้งแล้วหายเครียด เพราะฉะนั้นการหาของกินอร่อยๆ ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งทางออกที่หาได้ง่ายและตอบสนองความสุขทางกายได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
    • จากนั้นก็จะเริ่มกิน พออิ่มความเครียดหรือความกังวลต่างๆก็จะลดลง จึงค้นพบว่าคราวหน้าถ้าเครียดก็หาอะไรๆกินเข้าไปดีกว่า แต่....ส่วนใหญ่แล้วคนที่เครียดนั้น เวลากินแล้วจะพยายามให้ตัวเองรู้สึกอิ่มหรืออร่อยให้เร็วที่สุด ก็จะพยายามกินเข้าไปให้ได้มากที่สุด
    • อีกสาเหตุสำคัญคือเวลาเครียด คนเรามักจะขาดสติ ยั้งคิด จึงเลยเถิด และสะสมไขมันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว แถมยังเข้าข้างตัวเองด้วยว่า ไม่เห็นอ้วนเลยก็ยังดูดี สวย หล่ออยู่ เพราะขาดสติ : )
จากเหตุผลที่กล่าวข้างต้นมาทั้งหมด ก็พอจะมองเห็นปัญหาแล้วว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของความอ้วน คราวนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะลดมันได้อย่างไรดี
  • ลดความเครียดลง ก็จะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ แต่ทำยากมาก
  • ลองเลือกช่วงเวลาในการลดความอ้วนดูใหม่ เช่น ลองลดน้ำหนัดช่วงเวลาที่เรามีความสุขสงบ หรือมีความรักดู  เพราะตอนนั้นเราจะมีความสุข บางครั้งข้าวปลาก็ไม่อยากกิน เพราะมันอิ่มอกอิ่มใจ และความรักก็ยังทำให้เรารักและดูแลตัวเอง เพื่อให้ดูดีกับคนอื่นๆ
ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้หลายๆคนที่กำลังอยากจะลดความอ้วนดู : )

Tuesday, February 14, 2012

ฟังดนตรีเพื่อผ่อนคลาย

ในชีวิตประจำวันของหลายๆ คนที่ทำงานอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์ อาจจะมีความเครียดหรือสับสนไม่มีสมาธิได้  จริงๆแล้วในสมองคนเรานั้นจะมีระดับคลื่นความถี่ที่ทำงานและจะเปลี่ยนเป็นช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับความคิดเหมือนกัน เราสามารถสังเกตุได้ว่า เวลาที่เราได้ยินเสียงดังรบกวนจะเห็นว่าเราจะไม่มีสมาธิในการทำงานหรือตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเสียงนั้นๆ ก็คือคลื่นความถี่ที่เข้ามากระทบกับสมองของเราโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อเราทราบสิ่งนี้แล้วเราก็อาจจะสามารถที่จะสร้างความสงบในจิตใจของเราได้ในบางครั้งโดยอาศัยหลักการนี้ของการใช้ดนตรีเพื่อความผ่อนคลาย โดยส่วนใหญ่แล้วมนุษย์นั้นชอบอยู่กับธรรมชาติ การได้ยินเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงของต้นไม้ สายธารน้ำ เสียงนกร้อง จะทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกผ่อนคลาย วันนี้ผมลองเอาเพลงที่ฟังแล้วสบายๆ มาให้ลองฟังกันดู สามารถแนะนำติชมได้น่ะครับ






Wednesday, February 8, 2012

ตั้งใจจะมีชีวิตอยู่อย่างคนมีค่าและมีชีวิตชีวา....

        ความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่เช่นนี้มีความสำคัญมากทำให้ชีวิตมีจุดเป้าหมายและอยู่อย่างกระตือรื้อร้นมีชีวิตชีวา เหมือนนั่งเครื่องบินแล้วรุ้ว่าจะไปลงที่จุดหมายปลายทางที่ใด ถ้าขาดความตั้งใจที่จะอยู่อย่างคนมีค่า ชีวิตจะมีแต่การเล่นสนุกไปวันๆ มีทั้งกินเล่น นอนเล่น เดินเล่น ทำงานเล่นๆ เรียนเล่นๆ และมักจะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ทำให้ไม่น่ารัก ขาดสมดุล และไม่สร้างสรรค์
       ถ้าตั้งใจจะมีชีวิตอยู่อย่างคนมีค่าแล้ว เราจะเลือกและจัดสรรคเฉพาะ สิ่งดีๆ มีคุณค่าให้กับชีวิตตนเอง ทั้งการกิน การนอน การออกกำลังกาย การคบเพื่อน การทำงาน การเลือกคู่ครอง การอบรมบุตรหลาน
      จะรู้จักการเลือกกินอาหารที่พอดี นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากพอ มีอารมณ์ขัน มีจิตใจรักเพื่อนมนุษย์ มองไกล ใฝ่ดี มีคุณธรรม มีวินัย รู้จักทำตัวให้คนรัก รู้จักทำงานเพื่อให้ตนเองมีค่า มีศาสนาไว้ยึดเหนี่ยวโดยเฉพาะในยามตกอับ ชีวิตก็จะเหมือนเครื่องบินที่บินขึ้นไปแล้วและรู้ว่ามีสนามบินเตรียมพร้อมให้ลงได้อย่างปลอดภัย
      การทำตัวให้มีชีวิตชีวา กระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ จะทำให้ต่อสู้กับความชราได้ดีมาก ถ้าขาดความตั้งใจจะมีชีวิตอยู่แล้ว มักจะปล่อยปละตัวเอง ไม่ดูแลตัวเอง ทอดทิ้งตัวเอง จิตใจก็ไม่ดี เหนื่อย หน่ย เซ็ง ท้อใจเสมอ และมักไม่ชอบตัวเองด้วย

ที่จากหนังสือ "อยู่อย่างสง่า"
ศ.ดร.นายแพทย์วิทยา นาควัชระ