มนุษย์นั้นเกิดขึ้นมาหลายหมื่นปีแล้ว ช่วงเวลาต่างๆที่มนุษย์ผ่านมานั้นมีทั้งดีและไม่ดี ทำให้มนุษย์พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน หลายๆคนอาจจะคิดว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับปัจจุบันด้วยหล่ะ คุณลองมองย้อนกลับไปยังอดีต เมื่อ 50-70 ปีที่ผ่านมาว่า เราผ่านอะไรกันมาบ้าง ถ้าคุณได้ศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ คุณจะพบว่า ช่วง 50 ปีที่แล้วนั้นพวกเรายังอยู่ในยุคของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 คนที่เกิดขึ้นมาหรือมีช่วงชีวิตในขณะเวลานั้นคงจะต้องได้รับความยากลำบากในการใช้ชวิตอย่างมาก
มันก็เหมือนกับคนสองกลุ่มที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกันและจะต้องรบพุ่งเพื่อชิงความถูกต้องที่คิดว่าตัวเองทำถูกต้อง โดยไม่คิดถึงความเดือดร้อนของคนอื่นๆ แต่อันนั้นมันเป็นระดับโลกนับประสาอะไรกับอีแค่คนในประเทศหนึ่งๆที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกันเอง
หลังจากยุคสงครามพวกเราก็เข้าสู่ยุคของอุตสาหกรรม มีการผลิตเครื่องจักร,อุปกรณ์ไฟฟ้าและพาหนะต่างๆ ในการสร้างผลผลิตจำนวนมากเพือใช้ในการพัฒนาปรับปรุงประเทศของตัวเองหลังจากสงคราม จึงเกิดคำหนึ่งที่เรียกว่า เบบี้บูมเมอร์ คือผลผลิตและเกิดขึ้นของคนจำนวนมากหลังจากภาวะสงครามเพราะมีการเสียชีวิตของคนจำนวนมาก
และหลังจากนั้นก็เกิดยุคของข้อมูลข่าวสารหรือโลกาภิวัฒน์ อันเนื่องมาจากการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์,คอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ทำให้โลกแคบลงไปถนัดตา สิ่งของและเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆได้ถูกสร้างและผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ จนเกินความจำเป็น ผมขอยกตัวอย่าง
- เครื่องคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันนี้คุณจะเห็นได้ว่า ราคาของเครื่องถูกลงอย่างมากแต่ประสิทธิภาพกลับสูงขึ้นจนเหลือเฟือ ขนาดพื้นที่ในการเก็บข้อมูลก็มากจนไม่รู้จะเก็บอะไรแล้ว
- ระบบการติดต่อสื่อสารของมนุษย์ ก็มีทางเลือกมากขึ้นจนสามารถรู้ได้แม้กระทั่งคุณเดินอยู่ตรงไหนของโลก
- ระบบโทรทัศน์ก็มีการพัฒนามากจนมีระบบ HD (High Definition) ความละเอียดสูงมองจนทะลุรูขุมขน ขนาดจอก็ใหญ่จนจะคับบ้านแล้ว (ก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องดูให้ได้ขนาดนั้นเพื่ออะไรฟ่ะ)
ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมไม่ได้พูดถึง คุณลองคิดดูแล้วกันว่าอะไรที่คุณรู้สึกว่าเรายังไม่มีเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในยุคนี้ เรามีแต่ความต้องการอยากได้อยากมี ใช้ทรัพยากรของโลกอย่างไม่เคยกลัวว่าจะหมด แข่งกันวัดความเจริญและความสุขด้วยตัวเลขดัชนีต่างๆ เช่น หุ้น GDP กำไรขาดทุน จนลืมไปว่าพวกเราเกิดมาเพื่อทำอะไรกัน แต่โลกนี้ก็คือธรรมชาติ อะไรที่มันไม่สมดุลย์ก็จะต้องถูกปรับให้มันสมดุลย์ เช่น
- มนุษย์ล้นโลกแย่งกันกินแย่งกันใช้ ก็ทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือซึนามิหรือโลกระบาด เพื่อให้มนุษย์เสียชีวิตคราวละมากๆ
- ทำลายธรรมชาติตัดไม้ทำลายป่า ก็ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก โลกร้อน ขาดแคลนน้ำ คาดว่าจะเกิดสงครามแย่งน้ำกันอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำมันแพงกว่าน้ำทั้งๆ ที่มนุษย์ต้องกินน้ำ สงสัยเราคงต้องคิดใหม่กันแล้ว :D
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ดีจังที่เราได้เกิดมาในยุคนี้ เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา และก็มั่นใจว่าเราจะยังได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในยุคของเราซึ่งในศาสนาพุทธเรียกว่า
กลียุค คุณลองไปคิดดูว่าช่วงชีวิตของคุณที่เหลืออยู่จะทำอะไรให้เกิดประโยชน์คนรุ่นหลัง หรือนั่งรอคอยวันสุดท้ายของโลกหายใจทิ้งไปวันๆ แล้วกอบโกยทุกๆอย่างจากโลกนี้ไป.
No comments:
Post a Comment