แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผมกลับมาจากเรียนภาคค่ำ เห็นรถตำรวจและคนในชุมชน กำลังเข้าไปในซอยบ้านของเปี๊ยก ขณะนั้นเปี๊ยกน่าจะกำลังศึกษาอยู่ระหว่าง ม.ต้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เปี๊ยกใช้มีดปักไว้ที่ประตูห้องน้ำ แล้วกระโดดเข้าไปให้มีดปักที่คอ เสียชีวิตจมกองเลือดในบ้าน!!! ทุกคนช็อคไม่เชื่อว่า เกิดอะไรขึ้นกับเปี๊ยก ผมเองก็ถึงขั้นเข่าอ่อน เมื่อเห็นกองเลือดเยอะขนาดนั้น จนไม่กล้าเข้าไปดูศพ ใจหายวูบและคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเปี๊ยก ผมอาจจะไม่ค่อยสนิทแต่ก็พอจะมองเห็นว่าเปี๊ยกนั้นก็เป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง เล่นกีฬาก็ดี แต่....
สิ่งหนึ่งที่เปี๊ยกต่างจากคนอื่นคือ เค้าดมกาวอยู่ช่วงหนึ่งเท่าที่ผมจำได้ เค้ามีอาการหลอน บางครั้งก็เดินยิ้มอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะรู้ว่า เปี๊ยกเป็นคนอารมณ์ร้อน จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม บ้านเปี๊ยกนั้นอยู่ใกล้บ้านอุเทนและแจ็ค ผมมีโอกาศได้คุยกับพ่อของเปี๊ยกหลังจากทำงานแล้วบ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ จากที่สังเกตุจะเห็นได้ว่า พ่อเปี๊ยกนั้นเป็นคนค่อนข้างมีความคิดรุนแรง เจ้าระเบียบ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ก็ไม่ใช่คนขี้เหล้าเมายา เปี๊ยกนั้นเป็นลูกชายคนเดียว เค้ามีพี่สาวอีกสองคน อีกสิ่งหนึ่งที่จำได้ว่า สมัยนั้นกีฬาฟุตบอล เด็กผู้ชายทุกๆคนก็คงจะชอบที่จะได้แตะเล่นร่วมกับเพื่อนๆ บางครั้งก็มีการเตะเข้าประตูเพื่อการพนันด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งกลุ่มเด็กๆ วัยรุ่นได้มีการแตะฟุตบอลระหว่างชุมชน เปี๊ยกนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม เพราะว่าเป็นคนที่มีทักษะและฝีเท้าที่ดีมากคนนึง แต่สิ่งที่ผมจำได้ในการแข่งขั้นครั้งนั้น ด้วยความเลือดร้อนของเด็กผู้ชายวัยรุ่น เวลารวมตัวกันมันก็จะมีอารมร์ร่วมกันในการทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง เช่นการเตะฟุตบอลแข่งกับทีมคู่แข่ง ซึ่งรางวัลของการแข่งขันในสมัยนั้นก็คือ เงินจากการรวบรวมกันเองหรือมีผู้ใหญ่บางคนมานั่งเชียร์แล้วก็เอาผลการแข่งขันมาใช้เล่นการพนัน เมื่อมีการแข่งขันและผลตอบแทนเห็นเป็นตัวเงิน ซึ่งสมัยนั้นเงิน 2-3 พันบาทสูงมากๆ จึงทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมบ้าง เพราะไม่มีกรรมการเป็นเรื่องเป็นราว ที่จะเข้ามาตัดสินหรือควบคุมการแข่งขันให้ถูกต้องตามกติกาให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นการปะทะกันของเด็กวัยรุ่นจึงเกิดขึ้นและก็ทำให้เกิดการตัดสินให้มีการยิงจุดโทษ จะเห็นได้ว่า เรื่องเหล่านี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทของเด็กผู้ชายเมื่อรวมตัวกันกลุ่มใหญ่ๆ เหมือนที่เค้าเรียกกันว่า "นักเรียนนักเลง" ผมเห็นเปี๊ยกวิ่งไปที่ประตูแล้วก้มไปหยิบของบางอย่างขึ้นมา มันคือมีดปลายแหลมสั้น แล้วชักออกมา พยายามจะเข้ามาทำร้ายคู่แข่ง ที่กำลังจะทำประตู โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งไม่มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะผู้ใหญ้ได้เข้ามาห้ามและยุติการแข่งขัน ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นยังจำได้ ว่าใจมันเต้นแรงมากตอนที่กำลังจะเกิดเรื่องเพราะว่า เด็กผู้ชายในช่วงอายุประมาณ 13-15 ปีกำลังจะก้าวไปเป็นเด็กหนุ่มนั้น มันก็จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ถ้าใครสามารถเลือกเดินทางที่ถูกต้องในช่วงเวลาดังกล่าว มันก็จะเหมือนทางเลือกของทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ ผมเองไม่อยากมีตราบาปหรือได้ชื่อว่า เป็นนักเรียนนักเลง หรือชกต่อยมีเรื่องกับเด็กวัยรุ่นด้วยกัน เพราะว่าถ้าคุณมีครั้งแรกแล้วคุณรู้สึกว่าคุณก็เจ๋ง คุณจะไม่กลัวใครอีกเลยที่ดาหน้าเข้ามาหาคุณ เพราะฉะนั้นอุทาหรณ์ของเปี๊ยกน่าจะเป็นสิ่งที่คนในครอบครัว น่าจะให้ความรักความอบอุ่น จากพ่อถึงลูกชาย รวมถึงความเข้าอกเข้าใจในปัญหาของเด็ก รวมถึงสังคมรอบๆตัวเค้าด้วย ไม่มีใครรู้หรอกว่าบางครั้งการกอดของพ่อหรือแม่ให้กับลูกนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ความอบอุ่นในจิตใจนั้นสำคัญมากสำหรับเด็กๆ หรือแม้กระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม
ปล. * บุคคลที่กล่าวถึงในบทความนี้ มีตัวตนจริง ถ้าพาดพิงใน่ส่วนไม่ดีต้องขออภัย บางคนไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วต้องขออนุญาติ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง *
No comments:
Post a Comment